ปลัด วธ. เยี่ยมชม ‘วัดพระยืน’ ลำพูน ศึกษาประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ
ลำพูน – นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดลำพูน เพื่อเข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเยี่ยมชม ‘วัดพระยืน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดโบราณคู่เมืองหริภุญชัย โดยมีพระอธิการสิริพงศ์ ปัญญาชโย เจ้าอาวาสวัดพระยืน ให้การต้อนรับและนำชม พร้อมด้วย น.ส.ฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าของวัดแห่งนี้
‘วัดพระยืน’ ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มีชื่อเรียกตามปูชนียวัตถุสำคัญที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด คือพระพุทธรูปยืนที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ
ตามพงศาวดารเมืองเชียงใหม่และตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ กล่าวถึงวัดแห่งนี้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญทางพุทธศาสนาในอาณาจักรล้านนา โดยในช่วงราวปี พ.ศ. 1912 เมื่อพระญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนาในขณะนั้น ได้อาราธนานิมนต์พระสุมนเถระ พระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษจากเมืองสุโขทัย เพื่อมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในเชียงใหม่ การเดินทางครั้งนั้น พระสุมนเถระได้พักที่วัดพระยืน ในเมืองหริภุภุญชัย ซึ่งขณะนั้นมีพระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่แล้วหนึ่งองค์ในบริเวณที่เป็นป่า
พระญากือนาเลื่อมใสศรัทธา จึงได้มีพระบัญชาให้แผ้วถางพื้นที่ และสร้างพระพุทธรูปยืนเพิ่มเติมขึ้นอีก 3 องค์ รวมเป็น 4 องค์ โดยให้องค์หนึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก องค์หนึ่งหันหน้าไปทางทิศเหนือ และอีกองค์หนึ่งหันหน้าไปทางทิศใต้ เพื่อให้ครบทั้งสี่ทิศ จากนั้นจึงได้โปรดให้สร้างมณฑปขึ้นครอบพระพุทธรูปยืนทั้ง 4 องค์นี้ไว้เป็นที่ประดิษฐานอย่างสมพระเกียรติ
ต่อมา กาลเวลาผ่านไป มณฑปที่พระญากือนาสร้างขึ้นเกิดการทรุดโทรมและปรักหักพังลงไปมาก จนเหลือเพียงพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกเท่านั้นที่ยังคงความสมบูรณ์อยู่ ในสมัยของเจ้าหลวงอินทยงยศ เจ้าผู้ครองนครลำพูนในขณะนั้น จึงได้มีดำริให้ดำเนินการบูรณะครั้งสำคัญ โดยมอบหมายให้หนานปัญญาเมือง ช่างประจำคุ้มหลวงที่มีฝีมือจากบ้านหนองเส้ง เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ขึ้นมา
การก่อสร้างครั้งนี้ไม่ได้เป็นการซ่อมแซมมณฑปเดิมโดยตรง แต่เป็นการสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ขึ้นมาครอบของเดิมที่ปรักหักพังไปเกือบทั้งหมด พร้อมทั้งนำเอาอิฐ หิน และดินที่พังทลายลงมานั้นใส่ถมลงไปในบริเวณมณฑปองค์เดิมที่เหลือเพียงพระพุทธรูปยืนองค์เดียวนั้นจนเต็มพื้นที่
ลักษณะของมณฑปองค์ใหม่ที่หนานปัญญาเมืองสร้างขึ้นนี้ มีความโดดเด่นและแตกต่างจากแบบแผนทั่วไป สร้างขึ้นจากศิลาแลงเป็นส่วนใหญ่ ผสมกับอิฐบางส่วน ประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างวิจิตรบรรจง ฐานของมณฑปเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีความสูงกว่าของเดิมมาก มีบันไดที่ตกแต่งด้วยประติมากรรมรูปเหงา (นาค หรือมกร) ทอดขึ้นสู่มณฑปทั้ง 4 ด้าน บนมณฑปมีลานทักษิณหรือลานประทักษิณสำหรับเดินเวียนเทียน ซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ที่มุมทั้งสี่ของลานทักษิณประดับด้วยสถูปิกะ หรือเจดีย์บริวารขนาดเล็ก
ถัดจากฐานขึ้นไปคือเรือนธาตุที่มีการย่อเก็จ ทำให้องค์ประกอบดูมีมิติมากขึ้น แต่ละด้านของเรือนธาตุมีซุ้มจระนำทั้ง 4 ด้าน ซึ่งยึดรูปแบบคล้ายคลึงกับซุ้มเดิมที่สร้างในสมัยพระญากือนา แต่ละซุ้มประดิษฐานด้วยพระพุทธรูปยืน เหนือขึ้นไปเป็นมาลัยเถา ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไป 3 ชั้น แต่ละชั้นมีมุมประดับด้วยสถูปิกะอีกเช่นกัน ส่วนยอดสุดของมณฑปประดับด้วยฉัตรที่แสดงถึงความสูงส่งและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (ถ้ามี) นอกจากนี้ ยังมียอดเล็กๆ ประดับโดยรอบยอดใหญ่อีก 4 ยอด เสริมให้องค์ประกอบโดยรวมดูมีความสมบูรณ์และสง่างาม
มีการกล่าวถึงความน่าสนใจทางสถาปัตยกรรมของมณฑปวัดพระยืนนี้ว่า มีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงอย่างมากกับมณฑปสัพพัญญู (วัดสัพพัญญู) ในเมืองพุกาม ประเทศเมียนมา ซึ่งเชื่อว่าความคล้ายคลึงนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวพม่าที่เข้ามาอาศัยอยู่ในอาณาจักรล้านนาในอดีต และอาจมีส่วนร่วมในการสร้างหรือให้การสนับสนุนการบูรณะมณฑปพระยืนแก่หนานปัญญาเมืองในครั้งนั้น นับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศิลปะระหว่างล้านนากับพุกามอย่างน่าสนใจ
การเยี่ยมชมวัดพระยืนของปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและคณะในครั้งนี้ ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และส่งเสริมแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาติ เพื่อให้คงอยู่เป็นสมบัติของอนุชนรุ่นหลังสืบไป