พาณิชย์คุมเข้ม! สกัดสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าส่งออกไทย เตรียมใช้มาตรการใหม่กลางปี 68
กรุงเทพฯ – กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศเดินหน้ายกระดับมาตรการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย หวังสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทั่วโลก และรักษามาตรฐานสินค้าส่งออกของประเทศ
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เร่งปรับปรุงบัญชีสินค้าที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และยืนยันว่าสินค้าส่งออกจากไทยนั้นมีถิ่นกำเนิดที่ถูกต้องตามกฎและข้อตกลงทางการค้าที่ทำไว้กับประเทศคู่ค้า
มาตรการสำคัญที่กำลังจะนำมาใช้คือ การมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O – Certificate of Origin) แต่เพียงผู้เดียว สำหรับสินค้าส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในรายการเฝ้าระวัง ซึ่งถือเป็นการรวมศูนย์การตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบเข้มข้นถึงแหล่งผลิต โดยเจ้าหน้าที่ของกรมฯ จะลงพื้นที่ตรวจโรงงานจริง ตรวจสอบเอกสารหลักฐานอย่างละเอียด และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องภายในประเทศ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการประสานงานและตรวจสอบในระดับพื้นที่ มาตรการตรวจสอบใหม่นี้ คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ได้ในเดือนมิถุนายน 2568
เพื่อป้องกันปัญหาการยื่นเอกสารเท็จ และเพิ่มความสามารถในการติดตามแหล่งที่มาของสินค้า กรมการค้าต่างประเทศยังได้จับมือกับกรมศุลกากรไทยในการบูรณาการข้อมูลและการทำงานร่วมกัน
ขณะเดียวกัน กรมฯ ยังให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมและให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ โดยร่วมมือกับภาคเอกชน ทั้งหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมสัมมนา อบรม ให้คำปรึกษารายอุตสาหกรรม รวมถึงจัดเวิร์กชอป เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจถึงมาตรการใหม่และเตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกิจกรรมสัมมนาสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มแรกจะเริ่มจัดขึ้นปลายเดือนพฤษภาคมนี้
มาตรการทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายหลักเพื่อป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสินค้าไทยในตลาดโลก แต่ยังอาจนำไปสู่มาตรการทางการค้าตอบโต้จากประเทศคู่ค้าได้ การยกระดับการตรวจสอบนี้จึงเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความโปร่งใสให้กับระบบการค้าต่างประเทศของไทย