สปส. ชี้แจงชัด! เงินสมทบ 750 บาทต่อเดือน ผู้ประกันตน ม.33 ได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ครอบคลุมแค่ไหน?
กรุงเทพฯ – วันที่ 13 พฤษภาคม 2068 – นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเงินสมทบที่ผู้ประกันตนมาตรา 33 นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมในแต่ละเดือน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง หรือสูงสุด 750 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ว่าผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองอะไรบ้าง
นางมารศรี กล่าวว่า เงินสมทบที่นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมนั้น ไม่ได้มาจากผู้ประกันตนเพียงฝ่ายเดียว แต่มาจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล โดยในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้างนั้น ผู้ประกันตนจ่ายร้อยละ 5, นายจ้างจ่ายร้อยละ 5 และรัฐบาลร่วมสมทบอีกร้อยละ 2.75 รวมทั้งสิ้นร้อยละ 12.75 ของค่าจ้าง ซึ่งเงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้ในการจ่ายสิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณี ให้แก่ผู้ประกันตน ได้แก่ กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย, กรณีคลอดบุตร, กรณีทุพพลภาพ, กรณีตาย, กรณีสงเคราะห์บุตร, กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน
สำหรับผู้ประกันตนที่มีค่าจ้างตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป จะคำนวณเงินสมทบจากเพดานค่าจ้างสูงสุดที่ 15,000 บาท ดังนั้นผู้ประกันตนจะนำส่งเงินสมทบเดือนละ 750 บาท (ร้อยละ 5 ของ 15,000) ในขณะที่นายจ้างจะสมทบอีก 750 บาท และรัฐบาลสมทบอีก 412.50 บาท รวมเงินสมทบจากทั้ง 3 ฝ่ายต่อผู้ประกันตน 1 คน เป็นจำนวน 1,912.50 บาทต่อเดือน
เลขาธิการ สปส. ได้อธิบายถึงการจัดสรรเงินสมทบจำนวน 1,912.50 บาทนี้ว่า ถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ เพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ในแต่ละกรณี ดังนี้
- ร้อยละ 4.5 หรือ 675 บาท: นำไปใช้เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย ซึ่งครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล การทำทันตกรรม การได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อต้องหยุดงานตามคำสั่งแพทย์ รวมถึงกรณีคลอดบุตร (รวมค่าฝากครรภ์และเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร), กรณีทุพพลภาพ, การจัดการศพ และเงินสงเคราะห์กรณีตาย
- ร้อยละ 7 หรือ 1,050 บาท: นำไปใช้สำหรับกรณีชราภาพและสงเคราะห์บุตร โดยเป็นเงินออมสะสมเพื่อเป็นบำเหน็จบำนาญในยามเกษียณจำนวน 900 บาท และอีก 150 บาทเป็นเงินสำหรับกรณีสงเคราะห์บุตร
- ร้อยละ 1.25 หรือ 187.50 บาท: นำไปใช้เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับกรณีว่างงาน
นางมารศรี ย้ำว่า ไม่ใช่ผู้ประกันตนทุกคนที่ต้องจ่ายเงินสมทบเดือนละ 750 บาท หากค่าจ้างน้อยกว่า 15,000 บาท ก็จะคำนวณจากร้อยละ 5 ของค่าจ้างจริง เช่น ผู้มีค่าจ้าง 10,000 บาทต่อเดือน จะจ่ายเงินสมทบเพียง 500 บาทต่อเดือนเท่านั้น
สำหรับข้อสงสัยของผู้ประกันตนบางรายที่อาจรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า เนื่องจากไม่เคยใช้สิทธิการรักษาพยาบาล หรือไม่มีครอบครัว เลขาธิการ สปส. ชี้แจงว่า แม้จะไม่มีการใช้สิทธิ์เจ็บป่วย กองทุนประกันสังคมยังคงมีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลในรูปแบบเหมาจ่ายให้กับโรงพยาบาลคู่สัญญาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างหลักประกันและรองรับความเสี่ยงให้ผู้ประกันตนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ ผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิใดๆ เลย ก็ยังคงมีเงินออมสะสมสำหรับกรณีชราภาพ ซึ่งจะเป็นหลักประกันยามเกษียณ และในกรณีที่ผู้ประกันตนเสียชีวิต ทายาทผู้มีสิทธิก็จะได้รับเงินค่าทำศพ เงินสงเคราะห์กรณีตาย และเงินบำเหน็จชราภาพที่ผู้ประกันตนสะสมไว้ เป็นหลักประกันให้แก่ครอบครัวต่อไป
หากผู้ประกันตนหรือประชาชนทั่วไปมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ประกันสังคม สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน 1506 ซึ่งเปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง