ทรัมป์เสนอตัวร่วมโต๊ะเจรจา ยูเครน-รัสเซีย ที่ตุรกี ชี้พร้อมเป็นคนกลางหาทางออก

กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองระหว่างประเทศที่น่าจับตา เมื่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอตัวเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งมีแนวโน้มจะจัดขึ้นที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เพื่อร่วมหาทางยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อและถือเป็นการสู้รบครั้งร้ายแรงที่สุดในทวีปยุโรปนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง

ข้อเสนอจากอดีตผู้นำสหรัฐฯ รายนี้เกิดขึ้นภายหลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการจัดการเจรจาโดยตรงกับฝ่ายยูเครน โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยแสดงความคิดเห็นว่ายูเครนควรพิจารณาการยอมรับเงื่อนไขบางประการของฝ่ายรัสเซียเพื่อนำไปสู่การสงบศึก

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ก็ได้ออกมาแสดงท่าทีตอบรับ โดยระบุว่าตนเองมีความกล้าหาญเพียงพอที่จะรับเงื่อนไขการสงบศึกที่ฝ่ายรัสเซียเสนอ หากประธานาธิบดีปูตินแสดงความกล้าหาญเช่นกัน ด้วยการเดินทางมาร่วมโต๊ะเจรจากับตนเองที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ความเห็นดังกล่าวของประธานาธิบดีเซเลนสกีได้เปิดช่องให้เกิดข้อเสนอจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในการเข้าร่วมวงเจรจาในครั้งนี้

สำหรับหนึ่งในเงื่อนไขหลักที่ฝ่ายรัสเซียได้ยื่นข้อเสนอสำหรับการสงบศึกนั้น คือการที่ยูเครนจะต้องยอมรับสถานะความเป็นกลางอย่างถาวร ซึ่งหมายถึงการไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ (NATO) โดยแลกกับการได้รับการคุ้มครองความมั่นคงจากบรรดาชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สาธารณรัฐประชาชนจีน และสหพันธรัฐรัสเซียเอง

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนจากทางการรัสเซียว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะตัดสินใจเดินทางมาร่วมการเจรจาสันติภาพด้วยตนเองที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตามที่ฝ่ายยูเครนได้กล่าวถึงหรือไม่ ทำให้การเจรจาดังกล่าวยังคงอยู่ในสถานะที่มีความเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ

ข้อเสนอของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจา หากเกิดขึ้นจริง อาจนำมาซึ่งมิติใหม่ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ครั้งนี้ เนื่องจากบทบาทและความสัมพันธ์ของเขากับทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะกับผู้นำรัสเซีย เคยเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในช่วงที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี การปรากฏตัวของเขาในเวทีเจรจาจึงอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของการพูดคุยเพื่อสันติภาพครั้งสำคัญนี้.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *