นครศรีธรรมราช – เกิดเหตุสลดขึ้นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขานัน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ารายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน ซึ่งภายหลังมีรายงานว่าผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นพรานป่าได้เข้ามอบตัว พร้อมให้การอ้างว่าเข้าใจผิดคิดว่าผู้ตายเป็นหมูป่าที่กำลังออกล่า

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานอุทยานแห่งชาติเขานัน ได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่อุทยานถูกยิงเสียชีวิตบริเวณทางขึ้นน้ำตกสุนันทา หมู่ที่ 4 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอท่าศาลา จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าศาลา เข้าตรวจสอบและชันสูตรพลิกศพ

ที่เกิดเหตุกลางป่าอุทยาน พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย สวมใส่ชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นอนจมกองเลือด มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณศีรษะและลำคอ จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ เจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่าประจำอุทยานแห่งชาติเขานัน อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า ผู้เสียชีวิตได้ออกลาดตระเวนในพื้นที่ป่าพร้อมเพื่อนเจ้าหน้าที่อีก 2 นาย เนื่องจากทราบว่ามีการลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าในบริเวณดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง โดยทั้งสามได้แยกกันเดินเข้าป่าพร้อมไฟฉายประจำกายเพื่อครอบคลุมพื้นที่ลาดตระเวนให้กว้างขึ้น

เพื่อนร่วมงานรายหนึ่งเล่าถึงช่วงเวลาเกิดเหตุว่า ตนพร้อมเพื่อนและผู้เสียชีวิตได้ออกลาดตระเวนด้วยกัน ก่อนจะแยกกันเดินไปคนละทาง เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงได้ใช้วิทยุสื่อสารเรียกเพื่อนร่วมทีม ปรากฏว่ามีเพื่อนตอบรับกลับมา 1 นาย แต่ผู้เสียชีวิตไม่ตอบ จึงรีบวิ่งกลับไปยังจุดที่คาดว่าเสียงปืนดังขึ้น และพบว่าเพื่อนร่วมงานถูกยิงเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีรายงานความคืบหน้าว่า พรานป่าซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา พร้อมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิงเจ้าหน้าที่อุทยานเสียชีวิตจริง แต่ยืนยันว่าเป็นการเข้าใจผิด โดยอ้างว่าในช่วงค่ำวันเกิดเหตุ ตนได้ผูกเปลนอนรออยู่บนต้นไม้เพื่อดักยิงสัตว์ป่า และเมื่อถึงเวลาได้ยินเสียงคนเดินพร้อมกับเห็นแสงไฟฉายส่องมา ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นหมูป่าที่กำลังจะล่า จึงตัดสินใจลั่นไกปืนออกไป

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าศาลา ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของพรานป่ารายนี้ทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลอย่างละเอียด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและคลี่คลายคดีนี้ให้เกิดความกระจ่าง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เหตุการณ์นี้ถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญของวงการพิทักษ์ป่า และสะท้อนให้เห็นถึงภยันตรายที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ต้องเผชิญในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ

ที่มา: มติชน, ภาพจากเฟซบุ๊ก ร่วมใจท่าศาลา ประชาสัมพันธ์