ทวี เหน็บ สว. ปมไม่ให้ปากคำดีเอสไอ ชี้ “คนมีเกียรติ ต้องให้เกียรติคนอื่นก่อน” ยันทำตาม กม.

ทวี เหน็บ สว. ปมไม่ให้ปากคำดีเอสไอ ชี้ “คนมีเกียรติ ต้องให้เกียรติคนอื่นก่อน” ยันทำตาม กม.

ทำเนียบรัฐบาล, 13 พฤษภาคม 2568 – พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยเฉพาะประเด็นที่ สว. บางส่วนมีท่าทีจะไม่เข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ

พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การดำเนินการในส่วนนี้เป็นเรื่องของ กกต. โดยมีข้าราชการจากดีเอสไอไปทำหน้าที่ในฐานะอนุกรรมการร่วมสอบสวน ซึ่งถือเป็นการทำตามขั้นตอนและระเบียบปกติของ กกต. ซึ่งอาจมีวิธีพิจารณาแตกต่างจากวิธีพิจารณาความอาญา

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ สว. บางคนอาจไม่เข้าให้ปากคำ โดยอ้างว่าดีเอสไอมีสถานะที่ต่ำกว่า พ.ต.อ.ทวี ตอบโต้ด้วยท่าทีสุขุมแต่แฝงความนัยว่า “ผมเชื่อว่า สว. มีวุฒิภาวะ คงไม่พูดลักษณะนั้น เพราะศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิเสรีภาพ รัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่แล้ว ปกติคนที่มีเกียรติ จะต้องให้เกียรติคนอื่นก่อน”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังปฏิเสธว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมือง ยืนยันว่าทั้งรัฐมนตรีและกระทรวงยุติธรรมดำเนินการทุกอย่างตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น ไม่มีอำนาจอื่นใดแม้แต่การกำหนดนโยบาย และเน้นย้ำหลักการที่ต้องยึดมั่นคือ การสอบสวนต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน ยึดหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายต้องเท่าเทียมกันทุกคน โดยอิทธิพลใด ๆ จะใหญ่กว่ากฎหมายไม่ได้ และกฎหมายก็ไม่สามารถละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือสิทธิต่างๆ ได้

นอกจากนี้ การสอบสวนในปัจจุบันยังต้องยึดหลักวิชาการ การพิสูจน์หลักฐาน หรือนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบได้เป็นอย่างดี

ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานของดีเอสไอ โดยเฉพาะการนำหมายไปติดที่บ้าน สว. และมีการนำสื่อมวลชนไปด้วย ซึ่งถูกมองว่าเป็นการประจาน พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า ส่วนนี้ต้องไปสอบถามทาง กกต. เพราะดีเอสไอเข้าไปทำงานภายใต้การกำกับดูแลของ กกต. ในฐานะผู้ช่วยเท่านั้น

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลสั่นคลอน พ.ต.อ.ทวี แสดงความเชื่อมั่นว่าคงไม่กระทบ เพราะรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และรัฐบาลมีนโยบายหลักในการสร้างหลักนิติธรรมให้เข้มแข็ง การดำเนินการที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เป็นการทำตามกฎหมายโดยยึดพยานหลักฐานเป็นสำคัญ

สำหรับคำถามว่าจะมีการเรียก สว. มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระบุว่า ในส่วนของ กกต. มีกฎหมายของตนเองในการดำเนินการ ส่วนดีเอสไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ช่วยสอบสวนคดีพิเศษ อาจจะมีการดำเนินการในส่วนข้อหาอื่นเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่อธิบดีดีเอสไอจะให้ข้อมูลได้

พ.ต.อ.ทวี กล่าวปิดท้ายว่า โดยสรุปแล้ว ดีเอสไอทำหน้าที่ในลักษณะการสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้กระบวนการเสร็จสิ้น ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานทั้งหมด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *