คลัง หวั่นรายได้รัฐวูบ 1.7 แสนล้าน หลังหั่นเป้าจีดีพี – เดินหน้าแผนรีดภาษีน้ำมัน-เล็งเก็บ VAT SME

คลัง หวั่นรายได้รัฐวูบ 1.7 แสนล้าน หลังหั่นเป้าจีดีพี – เดินหน้าแผนรีดภาษีน้ำมัน-เล็งเก็บ VAT SME

กระทรวงการคลังกำลังเผชิญความท้าทายในการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2568 หลังปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยลงเหลือ 2.1% จากเดิม 3% การลดลงของ GDP 1% นี้ คาดว่าจะทำให้เป้าหมายรายได้รัฐบาลหายไปถึง 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่คลังกำลังเร่งหามาตรการเพิ่มการจัดเก็บรายได้ ทั้งการขึ้นภาษีน้ำมัน และการพิจารณาแนวทางจัดเก็บภาษี VAT จากผู้ประกอบการรายย่อยที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องด้วยปัญหาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลให้กระทรวงการคลังต้องปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) สำหรับปี 2568 ลงมาเหลือเพียง 2.1% จากประมาณการเดิมที่ตั้งไว้ที่ 3%

นายลวรณ ระบุว่า การปรับลดประมาณการ GDP ลง 1% ในครั้งนี้ มีนัยสำคัญต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอย่างมาก เนื่องจากประมาณการว่าทุกๆ 1% ของ GDP ที่ลดลง จะส่งผลกระทบทำให้เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลหายไปประมาณ 1.7 แสนล้านบาท แม้ว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน รายได้รัฐบาลยังคงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่สถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณยังคงน่าเป็นห่วง กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องเร่งหาแนวทางและมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณการจัดเก็บรายได้

มาตรการเร่งด่วนเพื่อเพิ่มการจัดเก็บรายได้

เพื่อชดเชยรายได้ที่อาจจะหายไปและเพิ่มความมั่นคงทางการคลัง กระทรวงการคลังได้เริ่มดำเนินการและพิจารณามาตรการต่างๆ ดังนี้:

  1. การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร มาตรการนี้คาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท สำหรับช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณปัจจุบัน
  2. การพิจารณาจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากผู้ประกอบการรายย่อย: คณะกรรมการปฏิรูปภาษีได้เสนอแนวคิดในการจัดเก็บภาษี VAT จากผู้ประกอบการที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจต่อปีต่ำกว่าเกณฑ์ปัจจุบันที่ 1.8 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นภาษี VAT แนวคิดนี้เกิดขึ้นหลังจากพบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่หลีกเลี่ยงการเข้าสู่ระบบการจดทะเบียนภาษี VAT ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไป

นายลวรณ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดการจัดเก็บภาษี VAT จากผู้ประกอบการรายย่อยว่า ภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนนี้ จะได้ข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวทางดังกล่าว โดยจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำระบบการจัดเก็บภาษี VAT แบบเหมาจ่ายมาใช้กับผู้ประกอบการที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เช่น ผู้ที่มีรายได้ประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อปี เพื่อเป็นแรงจูงใจและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการเหล่านี้เข้ามาอยู่ในระบบภาษี VAT อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานผู้เสียภาษีและเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลในระยะยาว

สถานการณ์การจัดเก็บรายได้ที่กำลังเผชิญนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่กระทรวงการคลังจะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้สามารถจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายและบริหารการเงินของประเทศท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *