ครอบครัวเหยื่อนั่งยาง 3 ศพ จ.ตรัง สุดเศร้า เชื่อปมขัดแย้งค่าคุ้มครองที่ดิน วอนตำรวจเร่งล่าคนร้าย
ขอนแก่น/ตรัง – จากกรณีสุดสะเทือนขวัญพบศพถูกเผานั่งยางจำนวน 3 ศพ ภายในร่องน้ำกลางสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายสุรเชษฐ์ หรือ โกเชษฐ์ อายุ 69 ปี, นายอนันต์ อายุ 49 ปี และ นายวีระยุทธ อายุ 41 ปี โดยสองคนหลังเป็นคนงานและลูกน้องของนายสุรเชษฐ์ นอกจากนี้ยังมีเบาะแสบ่งชี้ว่าอาจมีเหยื่อรายที่ 4 ซึ่งถูกกระทำในลักษณะเดียวกันด้วย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักของ นายวีระยุทธ หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น โดยได้พบกับ นายหนูแดง อายุ 67 ปี และ นางทองสุข อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของนายวีระยุทธ พร้อมด้วย นายวีระพล อายุ 22 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความโศกเศร้าเสียใจ
นายหนูแดง ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า ลูกชายตนเองเคยต้องโทษในคดีลักทรัพย์เมื่อปี 2566 และหลังจากพ้นโทษออกมาได้ประมาณหนึ่งเดือน ก็ได้รู้จักกับโกเชษฐ์ (นายสุรเชษฐ์) ในเรือนจำ ก่อนจะถูกชักชวนให้ไปทำงานที่สวนทุเรียนในจังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งลูกชายได้ไปทำงานอยู่ประมาณ 4-5 เดือน ก่อนจะมาถูกฆาตกรรม
นายหนูแดง เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายอาจจะเคยเกเรบ้าง แต่หลังจากออกมาจากเรือนจำ เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีความคิดอยากทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่ และลูกชาย เขาเป็นคนที่รักลูกมาก ส่งเงินมาให้ตลอด และผ่อนรถจักรยานยนต์ให้ลูกชายด้วย ในช่วงที่ทำงานอยู่ ลูกชายจะติดต่อมาทางแอปพลิเคชันไลน์อยู่เสมอ ทั้งพิมพ์ข้อความ โทรคุย และส่งรูปภาพชีวิตความเป็นอยู่มาให้ดู ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี ไม่เคยบ่นถึงปัญหา หรือความลำบากในการทำงาน แม้จะเป็นคนต่างถิ่นที่ไปทำงานไกล แต่ก็มีเพื่อนบ้านที่ดีคอยช่วยเหลือ พวกตนจะพูดคุยกันทุกวัน จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ลูกชายไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย และมารู้ข่าวอีกทีว่าเขาถูกฆ่าตายแล้ว
ผู้เป็นพ่อได้ฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้ช่วยติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าลูกชายมารับโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพราะเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้อาจไปก่อเหตุกับผู้อื่นได้อีก ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ขอให้เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป
ด้าน นางทองสุข ผู้เป็นแม่ กล่าวด้วยความสะเทือนใจว่า ตนเชื่อว่าคนร้ายมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี เตรียมทั้งยางรถยนต์สำหรับเผา และอาวุธปืน ส่วนสาเหตุของการสังหาร มีคนเล่าให้ฟังว่า อาจเกิดจากความขัดแย้งเรื่องเงินค่าคุ้มครอง โดยมีคนโทรศัพท์มาเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครอง แต่ลูกชาย (หรือนายสุรเชษฐ์) โอนเงินให้ล่าช้าไปเพียง 3 วัน ทำให้กลุ่มคนที่เก็บค่าคุ้มครองไม่พอใจ และได้เข้ามาก่อเหตุทำลายข้าวของในสวนปาล์มน้ำมัน ก่อนจะลงมือฆ่าและเผาผู้เสียชีวิต
นางทองสุข เล่าต่อว่า ลูกชายเคยบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านอีก 4 ปีข้างหน้า หลังจากที่ได้เงินปันผลจากการขายทุเรียน แต่แล้วเขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยตลอดชีวิต ตนรับไม่ได้อย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่คนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยม ฆ่าแล้วยังมาเผาลูกชายซ้ำเติม ขอวิงวอนให้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีและนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกชายและผู้เสียชีวิตทุกคน