รู้จัก ‘หญ้าหวาน’ พืชโบราณมากประโยชน์ หลัง ‘นายกเบี้ยว’ ลั่นวาทะ ‘ชาวธัญบุรี กินหญ้าหวาน’ ชนะเลือกตั้ง
ปทุมธานี – หลังทราบผลการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ที่นางยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ หรือ น้ำอ้อย ภรรยาของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว ได้รับชัยชนะ พร้อมกับทีมสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ที่ยกทีมชนะยกทีม โดยมีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช บุตรชายรวมอยู่ในทีม สท. ที่ได้รับเลือกตั้งด้วย
นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว ได้ออกมาแถลงขอบคุณประชาชนชาวธัญบุรี พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า “ชาวธัญบุรี กินหญ้าหวาน ถ้ากินหญ้าขม ผมก็คงไม่ได้รับชัยชนะ ผมยังเชื่อว่าพ่อแม่พี่น้องชาวธัญบุรี ทานหญ้าหวาน และจะทานตลอดไป เราไม่ทิ้งกัน”
วาทะ “ชาวธัญบุรี กินหญ้าหวาน” ของนายกเบี้ยว ได้จุดประกายให้หลายคนสงสัยและหันมาสนใจ “หญ้าหวาน” มากขึ้น ว่าพืชชนิดนี้คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และทำไมจึงถูกนำมาเปรียบเปรยในบริบทของการเมืองท้องถิ่นเช่นนี้
หญ้าหวาน คืออะไร?
หญ้าหวาน (Stevia rebaudiana (Bertoni) Bertoni) เป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศบราซิลและปารากวัย มนุษย์รู้จักและใช้ประโยชน์จากหญ้าหวานมานานกว่า 1,500 ปี ลักษณะคล้ายต้นกะเพราหรือแมงลัก มีความสูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร ใบเดี่ยว รูปหอก ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย
จุดเด่นของหญ้าหวานคือสารให้ความหวานธรรมชาติที่อยู่ในใบ มีชื่อว่า “สตีวิโอไซด์” (Stevioside) ซึ่งให้รสหวานคล้ายน้ำตาลทราย แต่มีความหวานมากกว่าถึง 200-300 เท่า โดยแทบไม่มีแคลอรี่
หญ้าหวานถูกนำมาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกในภาคเหนือ เนื่องจากมีสภาพอากาศเย็นเหมาะสม ปัจจุบันมีการนำมาใช้และแปรรูปอย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบใบอบแห้ง สารสกัด หรือผง ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ขนม แยม ไอศกรีม หรือแม้กระทั่งในยาสีฟัน เพื่อทดแทนการใช้น้ำตาล
ประโยชน์ของหญ้าหวานต่อสุขภาพ
ด้วยคุณสมบัติที่ให้ความหวานสูงแต่มีแคลอรี่ต่ำมาก ทำให้หญ้าหวานได้รับความนิยมในฐานะทางเลือกเพื่อสุขภาพ โดยมีประโยชน์ที่สำคัญหลายด้าน ได้แก่:
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากให้ความหวานโดยไม่เพิ่มแคลอรี่เหมือนน้ำตาล
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด: มีผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีความเสี่ยง
- ลดความเสี่ยงโรคต่างๆ: การลดการบริโภคน้ำตาล ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง
- ใช้ทดแทนน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่ม: ช่วยให้สามารถปรุงอาหารหรือเครื่องดื่มให้มีความหวานได้ โดยไม่ต้องใช้น้ำตาล หรือใช้ในปริมาณที่น้อยลงมาก
วิธีใช้หญ้าหวาน
หญ้าหวานสามารถนำมาใช้ได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบใบสด ใบแห้ง หรือสารสกัด:
- แบบชงเป็นชา: ใช้ใบหญ้าหวานแห้ง 1-2 ใบ ต้มกับน้ำร้อน (ไม่เดือดจัด) ประมาณ 150-200 มิลลิลิตร แช่ทิ้งไว้ 2-3 นาที สามารถเพิ่มจำนวนใบได้หากต้องการความหวานมากขึ้น การแช่น้ำอุ่นนานๆ จะยิ่งเพิ่มความหวาน
- แบบสำหรับเพิ่มความหวานในเครื่องดื่ม: ชงหญ้าหวานแบบชา แล้วกรองเอากากออก นำน้ำที่ได้ไปผสมในกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มอื่นๆ แทนน้ำตาล
- แบบผงหรือสารสกัด: สามารถนำไปผสมในอาหารและเครื่องดื่มได้โดยตรง ตามสัดส่วนที่ระบุบนผลิตภัณฑ์
หญ้าหวานในประเทศไทยและทั่วโลก
ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์หญ้าหวานมากกว่า 150-300 สายพันธุ์ทั่วโลก โดยประเทศจีนเป็นผู้ปลูกและมีผลผลิตมากที่สุดในโลก สำหรับในประเทศไทย จากรายงานของกรมวิชาการเกษตร พบหญ้าหวานที่ปลูกในไทยมี 4 ลักษณะ ซึ่งมีความแตกต่างทางพันธุกรรม และสายพันธุ์ยอดอ่อนสีม่วง ให้สารสตีวิโอไซด์สูงที่สุด
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยได้อนุญาตให้มีการใช้สารสตีวิโอไซด์ที่สกัดจากหญ้าหวานเพื่อการบริโภคและใช้ทดแทนน้ำตาลในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ได้ ทำให้สารให้ความหวานจากหญ้าหวานเป็นที่ยอมรับและถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกัน ต้นหญ้าหวานเองก็ยังจัดเป็นสมุนไพรที่สามารถปลูกและใช้ในครัวเรือนได้อีกด้วย
ดังนั้น วาทะ “ชาวธัญบุรี กินหญ้าหวาน” ของนายกเบี้ยว อาจไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การเปรียบเปรยชัยชนะทางการเมือง แต่อาจสะท้อนถึงความหวังหรือความเชื่อในสิ่งดีๆ ที่พืชมากประโยชน์อย่างหญ้าหวานสามารถมอบให้ได้ ทั้งในแง่ของสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่.