ลุยบ้านแม่ลูก 9 เพชรบูรณ์ หลังเพจดังแฉทำคลิปฉาว! พม.ชี้สภาพไม่เหมาะสม แต่ผู้ปกครองปฏิเสธให้คุ้มครองฯ อ้างคลิปโดนตัดต่อ

เพชรบูรณ์ – ความคืบหน้ากรณีเพจดังแฉครอบครัวใหญ่ที่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำคลิปอนาจารหมู่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ภาครัฐได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบสภาพความเป็นอยู่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน ขณะที่ผู้ปกครองปฏิเสธการให้เด็กเข้ารับการคุ้มครอง โดยอ้างว่าคลิปที่เผยแพร่ถูกตัดต่อและได้แจ้งความไว้แล้ว

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “ท่านเป่า” ได้โพสต์ข้อความระบุถึงครอบครัวหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยกล่าวหาว่าแม่วัย 34 ปี มีลูกถึง 9 คน ทั้งบ้านมีการรวมตัวกันทำคลิปอนาจารหมู่และเปิดกลุ่มลับเพื่อขายคลิปดังกล่าว ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้สร้างความตกใจและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ รวมถึงพบว่ามีคลิปที่ถูกอ้างว่าเป็นของครอบครัวนี้เผยแพร่อยู่หลายคลิป

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้ โดยได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) เพชรบูรณ์ ร่วมกับ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรน้ำหนาว และฝ่ายปกครองจังหวัด ได้ร่วมกันลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอน้ำหนาว ซึ่งคาดว่าเป็นที่พักของครอบครัวดังกล่าว

การลงพื้นที่ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นเพียงที่พักพิงชั่วคราว มีการกางเต็นท์หลายหลังภายในบริเวณบ้าน และมีผู้อาศัยอยู่รวมกันถึง 12 คน ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกรวม 9 คน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 1 ขวบไปจนถึง 21 ปี และหลานอีก 1 คน อายุ 8 ขวบ โดยมีผู้เป็นพ่อทำหน้าที่เป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว

จากการประเมินของเจ้าหน้าที่ พม. พบว่า สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ไม่เหมาะสมและไม่ปลอดภัยต่อการพัฒนาและคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความดูแล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสื่อลามกอนาจารที่ถูกกล่าวหาว่าครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้อง

ทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจึงได้แจ้งให้บิดาและมารดาของเด็ก พิจารณาให้บุตรหลานทั้งหมดเข้ารับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ณ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อความปลอดภัยและการดูแลที่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน

อย่างไรก็ตาม บิดาและมารดาของเด็ก ได้ปฏิเสธการนำบุตรหลานเข้ารับการคุ้มครองฯ โดยให้เหตุผลกับเจ้าหน้าที่ว่า พวกเขาสามารถเลี้ยงดูบุตรหลานทั้งหมดได้เอง จึงได้มีการทำข้อตกลงและลงบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้เป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบ ปค.14 ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ในการบันทึกการดำเนินการของฝ่ายปกครอง

ในส่วนของประเด็นคลิปอนาจารที่ถูกเผยแพร่นั้น ผู้เป็นพ่อได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปบางส่วนจริง แต่ยืนยันว่าคลิปดังกล่าวถูกบุคคลอื่นนำไปตัดต่อและดัดแปลงให้กลายเป็นสื่อลามกอนาจาร ก่อนจะนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่สถานีตำรวจภูธรน้ำหนาว เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการนำภาพและคลิปของตนเองและบุตรสาวไปตัดต่อและเผยแพร่ในทางที่เสียหาย ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป