กกต. เปิดเกมรุก! แจ้งข้อหา 54 ว่าที่ สว. เซ่นปม “ฮั้วเลือกตั้ง” เปิดฉากคดีประวัติศาสตร์วุฒิสภา
กรุงเทพฯ – คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดฉากดำเนินคดีเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กกต. ได้ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายแจ้งข้อกล่าวหาไปติดและจัดส่งทางไปรษณีย์ถึงบุคคลผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น สว. ชุดแรก จำนวน 54 ราย ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
หมายดังกล่าว ซึ่งออกโดย กกต. ลงวันที่ 8 พฤษภาคม มีใจความสำคัญคือ ขอเชิญให้บุคคลทั้ง 54 ราย ไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยระบุว่า มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จึงขอส่งบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา เพื่อให้ทราบข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมแสดงหลักฐาน รวมถึงให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา
กำหนดการให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงคือในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร กกต. ได้ย้ำชัดเจนว่า หากผู้ถูกกล่าวหาไม่ดำเนินการตามกำหนดดังกล่าว จะถือว่าสละสิทธิ์ในการชี้แจง แสดงหลักฐาน หรือให้ถ้อยคำแก้ข้อกล่าวหา
การดำเนินการของ กกต. ครั้งนี้ ถือเป็นบทสรุปเบื้องต้นว่ามีผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น สว. จำนวน 54 ราย ในชุดแรก ที่กำลังถูกดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนกฎหมายการเลือก สว. โดยคาดว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาในล็อตต่อไปอีกเกือบหนึ่งร้อยราย ทำให้จำนวนผู้ถูกกล่าวหารวมอาจสูงถึงประมาณ 140 ราย
การรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้ มาจากการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางของสำนักงาน กกต. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนร่วมกับดีเอสไอ
มีรายงานว่า ในกลุ่ม 54 รายแรกที่ได้รับหมายแจ้งข้อหา มีชื่อบุคคลระดับ “บิ๊กเนม” รวมอยู่ด้วย เช่น นายมงคล สุระสัจจะ (ซึ่งถูกระบุในเนื้อหาข่าวต้นฉบับว่าเป็นประธานวุฒิสภา) และพลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ (ซึ่งถูกระบุว่าเป็นรองประธาน) รวมถึง สว. ที่เคยออกมาตอบโต้การทำงานของดีเอสไออย่างดุดัน เช่น พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ แสงเพชร และนายอลงกต วรกี ก็มีชื่ออยู่ในกลุ่มแรกที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา
หลังจากผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 54 ราย ได้รับทราบข้อหาและมีโอกาสชี้แจงแก้ข้อหา (หากเลือกที่จะไปตามนัดในวันที่ 19 พ.ค.) แล้ว กกต. จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อส่งสำนวนให้ศาลพิจารณาต่อไป ซึ่งหากศาลรับเรื่อง อาจมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที
ก่อนหน้านี้ กกต. เผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในการดำเนินคดีเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการเลือก สว. แต่การออกหมายแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ถือเป็นการแสดงท่าทีที่จริงจังในการจัดการกับข้อกล่าวหาเรื่อง “ฮั้วเลือก สว.” โดยอำนาจของ กกต. จะครอบคลุมความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง
นอกเหนือจากคดีในส่วนของ กกต. ที่กำลังจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาในล็อตที่ 2 แล้ว ยังมีคดีในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นการดำเนินคดีอาญาในข้อหาฟอกเงิน และล่าสุดได้ขยายผลไปถึงข้อหาอั้งยี่ด้วยแล้ว คาดว่าคดีในส่วนของดีเอสไอจะมีการเปิดฉากดำเนินคดีอีกระลอกภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งมีโอกาสสูงที่ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็น สว. ในกลุ่ม 140 รายที่ถูก กกต. แจ้งข้อกล่าวหา จะต้องเผชิญข้อหาเพิ่มเติมจากดีเอสไอในหลายๆ ราย
เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับวงการวุฒิสภาของประเทศไทย ที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่