รายงานข่าวจากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้เปิดเผยถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทวีความตึงเครียดขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถาน ซึ่งปะทุขึ้นในพื้นที่รัฐแคชเมียร์ภายใต้การปกครองของอินเดีย

จากเหตุปะทะที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการเคลื่อนไหวของกองกำลังทางทหารของทั้งสองฝ่าย ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความตึงเครียดในภูมิภาค และลุกลามไปถึงการเดินเรือสินค้าในบริเวณสำคัญ เช่น อ่าวเปอร์เซีย อ่าวโอมาน และทะเลอาหรับ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลที่สำคัญของโลก และของประเทศไทยด้วย

สำหรับผลกระทบโดยตรงที่ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกของไทยกำลังเผชิญ สรท. ได้สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้

1. การยกเลิกและปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ: บรรดาสายเรือขนส่งสินค้าเริ่มมีการประกาศยกเลิกเส้นทางเดินเรือไปยังท่าเรือในประเทศอินเดียฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ และเส้นทางไปยังท่าเรือสำคัญของปากีสถาน เช่น ท่าเรือการาจี (Karachi Port) โดยให้เหตุผลด้านความปลอดภัยของการเดินเรือในพื้นที่ดังกล่าว การยกเลิกเส้นทางเหล่านี้ส่งผลให้ระยะเวลาในการขนส่งสินค้าไปยังปลายทางเหล่านี้อาจยาวนานขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

2. ปัญหาตู้สินค้าตกค้างและท่าเรือแออัด: การยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนตารางการเดินเรือในบางเที่ยว ทำให้สายเรือต้องมีการปรับตารางการเดินเรือโดยรวม และอาจต้องมีการสลับหรือโยกย้ายตู้สินค้าระหว่างท่าเทียบเรือต่างๆ ภายในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง นอกจากนี้ ยังพบปัญหาตู้สินค้าตกค้างที่ท่าเทียบเรือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้พื้นที่สำหรับกองเก็บตู้สินค้าที่ท่าเทียบเรือเริ่มไม่เพียงพอ

สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่ปัญหาการให้บริการแก่รถหัวลากที่เข้ามารับหรือส่งตู้สินค้า ทั้งตู้หนัก (สินค้าเต็ม) และตู้เปล่า ใช้ระยะเวลานานกว่าปกติ ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกจึงจำเป็นต้องบริหารจัดการและเผื่อเวลาในการรับ-ส่งคืนตู้สินค้าให้มากขึ้น เพื่อให้ทันกำหนด Cut-off Time ของแต่ละเที่ยวเรือที่จะออกเดินทาง

เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบและช่วยเหลือผู้ประกอบการ สรท. ได้ให้ข้อแนะนำเร่งด่วนสำหรับสมาชิกที่ขนส่งสินค้าไปยังเส้นทาง อินเดีย – ปากีสถาน รวมถึงเส้นทางที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เช่น Red Sea และ Sudan โดยมีแนวทางดังนี้

• ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสายเรือที่ใช้บริการ เพื่อติดตามสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงตารางเดินเรือ ระยะเวลาขนส่ง และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลไปเจรจาและบริหารจัดการกับคู่ค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ผู้ส่งออกที่ใช้บริการขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ต้องวางแผนการบริหารจัดการเวลาในการรับและคืนตู้สินค้า (ทั้งตู้หนักและตู้เปล่า) ให้เหมาะสม โดยเผื่อเวลาสำหรับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาการจราจรติดขัดภายในพื้นที่ท่าเรือ

ในส่วนของ สรท. ในฐานะองค์กรตัวแทนภาคผู้ส่งออก ได้ยืนยันว่าจะดำเนินการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับการท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขอให้มีการจัดเตรียมพื้นที่ลานกองเก็บตู้นอกพื้นที่ท่าเทียบเรือให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาความแออัดของการจราจรภายในท่าเรือแหลมฉบัง นอกจากนี้ จะประสานงานกับสายการเดินเรือต่างๆ เพื่อติดตามสถานการณ์และแนวทางการดำเนินการของสายเรือต่อสถานการณ์ความไม่สงบในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลมาประชาสัมพันธ์ให้ผู้ส่งออกและสมาชิกรับทราบอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถเตรียมการรับมือและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้