กกต.สั่งถอดชื่อ “สิทธิชัย สัมฤทธิ์” ผู้สมัคร สท. เจ้าพระยาสุรศักดิ์ ชี้คุณสมบัติต้องห้ามคดียาเสพติด เจ้าตัวแจงปมประวัติอาชญากรรม ยัน ปชน.ไม่เกี่ยว
จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำสั่งถอดถอนรายชื่อของ นายสิทธิชัย สัมฤทธิ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) พื้นที่เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เขต 1 เบอร์ 13 จากพรรคประชาชน โดยระบุว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 50 (10) ซึ่งระบุว่าเคยต้องคำพิพากษาในคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครองและจำหน่าย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 นายสิทธิชัย สัมฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอผ่านทางเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว “สิทธิชัย สัมฤทธิ์ แอม นาพร้าว” เพื่อขอโทษประชาชน สมาชิกพรรค และพรรคประชาชน พร้อมทั้งชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายสิทธิชัย ระบุว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจผิดและความคลุมเครือในกระบวนการสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล โดยก่อนที่จะมีการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตนได้ดำเนินการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมตามขั้นตอนปกติ ซึ่งผลการตรวจสอบระบุว่า “ไม่พบประวัติอาชญากรรม” และเหตุกาณ์ในอดีตที่ถูกกล่าวอ้างนั้นเกิดขึ้นนานกว่า 15 ปีมาแล้ว
นอกจากนี้ นายสิทธิชัย ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อปี 2564 ตนก็สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ท. ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และภายหลังจากการเลือกตั้งก็ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ได้รับคะแนนเสียงถึง 1,465 คะแนน จากเหตุผลทั้งสองข้อนี้เอง จึงทำให้ตนมีความเข้าใจว่าสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ตามปกติ
ผู้สมัคร ส.ท. คนดังกล่าว กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตนมีความตั้งใจจริงที่จะกลับตัวกลับใจ และได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ดำรงตำแหน่งประธานชุมชน และมีบทบาทในการช่วยเหลือกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากขึ้น จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่ง ส.ท.
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นและถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน ซึ่งมีการเชื่อมโยงถึงพรรคประชาชน นายสิทธิชัย ขอชี้แจงและยืนยันอย่างชัดเจนว่า พรรคประชาชนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปิดบังข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นในจังหวัดสมุทรปราการตามที่มีการกล่าวถึงแต่อย่างใด
ในตอนท้ายของคลิปและข้อความ นายสิทธิชัย ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมจะเข้าใจและให้โอกาสสำหรับผู้ที่เคยกระทำผิดพลาดในอดีต และขอให้พี่น้องประชาชนได้พิจารณาเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างเป็นธรรม.