กรุงเทพฯ – เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ร.ต.ท.ภัทรพล ลิ้มเทียมรัตน์ รองสารวัตร(สอบสวน) สน.บางบอน ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถชนกันอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณแยกบางบอน 5 ตัดถนนเอกชัย แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบภาพความเสียหายอย่างหนัก บริเวณแยกดังกล่าวพบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน กทม. อยู่ในสภาพพลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้า ใกล้กันยังพบรถยนต์คู่กรณี ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กทม. ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

จากการตรวจสอบภายในซากรถกระบะ เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายใน ทราบชื่อต่อมาคือ นายโกศล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเพื่อนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถ สภาพผู้เสียชีวิตสวมเสื้อยืด แขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณศีรษะแตกและแผลที่บริเวณใบหน้า

นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย เป็นชายและหญิง ซึ่งมากับรถยนต์คู่กรณี เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะเร่งนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบางประการเป็นการด่วน

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเอก (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุครั้งนี้ นายเอกเล่าด้วยอาการตกใจว่า ขณะที่ตนนั่งซ่อมคอมพิวเตอร์อยู่ภายในร้าน ได้ยินเสียงดัง ‘ตูม’ สนั่นหวั่นไหว ก่อนจะเห็นรถยนต์พุ่งเข้ามาในร้านอย่างรวดเร็ว สร้างความตกใจให้กับตนเป็นอย่างมาก เมื่อออกมาดูบริเวณหน้าร้าน ก็พบรถกระบะคันดังกล่าวพลิกคว่ำหงายท้องอยู่ ความเสียหายเบื้องต้นที่ร้านของตนคือกระจกแตกเสียหาย และยังมีคอมพิวเตอร์ของลูกค้าที่วางอยู่ในร้านได้รับความเสียหายจากแรงกระแทกและเศษกระจกด้วย

ร.ต.ท.ภัทรพล ลิ้มเทียมรัตน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยจะเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง และรอสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย เมื่ออาการดีขึ้น เพื่อนำมาประกอบสำนวนการสอบสวนและสรุปสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป

ส่วนร่างของ นายโกศล ผู้เสียชีวิต ได้นำส่งไปชันสูตรศพ ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ก่อนจะแจ้งให้ญาติมารับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา

อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจถึงความไม่ประมาทในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งอาจนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้