เอ็กซิมแบงก์ ประกาศลดดอกเบี้ย Prime Rate ต่ำสุดในระบบ เหลือ 6.15% ขานรับนโยบายรัฐ ช่วย SMEs และผู้ประกอบการ

กรุงเทพฯ – ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลงเหลือ 6.15% ต่อปี ซึ่งนับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เทียบเท่า MRR ของธนาคารพาณิชย์) ที่ต่ำที่สุดในระบบ มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนและแบ่งเบาภาระทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่นและแข็งแกร่ง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีบทบาทในการช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนทางการเงินให้แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ที่ระดับ 6.15% ต่อปีนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ EXIM BANK ในการส่งมอบแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการบริหารจัดการธุรกิจ การลงทุน และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าประเทศเศรษฐกิจหลัก หรือภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย

การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับลดครั้งที่ 5 ติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานที่สอดคล้องและต่อเนื่องของ EXIM BANK ในการสนับสนุนภาคการส่งออกและการลงทุนของไทย

นอกเหนือจากการลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานแล้ว EXIM BANK ยังได้มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าชั้นดีที่เติบโตมาพร้อมกับธนาคาร ด้วยส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษอีก 1.00% ต่อปี ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถเข้าถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เริ่มต้นเพียง 3.10% ต่อปี โดยผู้ที่สนใจต้องแสดงความจำนงภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 และเบิกกู้ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2568

พร้อมกันนี้ EXIM BANK ยังคงดำเนินโครงการและมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ที่มุ่งเน้นการแบ่งเบาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ ช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง Export Clinic เพื่อให้คำปรึกษาและข้อมูลสำคัญแก่ผู้ประกอบการไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า (Reciprocal Tariffs) ของต่างประเทศ

มาตรการทั้งหมดนี้สอดคล้องกับพันธกิจหลักของ EXIM BANK ในการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจการค้าและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึง มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ ปรับตัวรับมือกับปัจจัยท้าทายต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้อย่างยั่งยืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *