ปราจีนบุรี – สระแก้ว ครอบครัวเด็กหญิงวัย 14 ปี จากจังหวัดปราจีนบุรี ร้องขอความช่วยเหลือจาก นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ณ ศูนย์พักพิงมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ หลังลูกสาวบุญธรรมถูกแฟนหนุ่มวัย 13 ปี และกลุ่มเพื่อนรุมทำร้ายร่างกายจนสลบ มีการถ่ายคลิปเยาะเย้ยโดยไม่แสดงความสำนึก ด้านพี่สาวผู้เสียหายยอมรับผิดที่อาจดูแลน้องน้อยเกินไป

เหตุการณ์สุดโหดร้ายนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 หลังจากที่น้องผู้เสียหาย ซึ่งหนีออกจากบ้านที่จังหวัดปราจีนบุรี ไปอยู่กับแฟนหนุ่มวัย 13 ปี ที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งห่างกันกว่า 100 กิโลเมตร โดยน้องได้หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม และอยู่กินกับแฟนได้ประมาณ 3 สัปดาห์ ก่อนจะถูกพาไปเจอกลุ่มเพื่อน

กลุ่มผู้ก่อเหตุประกอบด้วยแฟนหนุ่มและเพื่อนได้ร่วมกันรุมทำร้ายน้องอย่างทารุณจนน้องสลบ ในคลิปที่ถูกถ่ายไว้ น้องได้ยกมือไหว้กราบบิดาแฟนหนุ่มขอชีวิต แต่เขาก็ไม่ช่วย แถมยังร่วมลงมือทำร้ายและมีท่าทีสนุกสนานกับการกระทำดังกล่าว เมื่อน้องใกล้หมดสติ กลุ่มผู้ก่อเหตุก็พยายามทิ้งน้องไว้ข้างทางในที่มืด หลังน้องฟื้นขึ้นมาก็ยังพยายามลุกขึ้นวิ่งตาม พนมมือขอความเมตตา ทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด

หลังเกิดเหตุ น้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้โกหกครอบครัวน้องว่าน้องตกรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งในตอนแรกแม่บุญธรรมได้เดินทางไปเยี่ยมและฝากเงินไว้ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุก็เอาเงินไปใช้ จนกระทั่งแม่ได้มาเห็นคลิปเหตุการณ์จริงถึงได้ทราบว่าลูกถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม และผู้ก่อเหตุก็ยังไม่มีท่าทีสำนึกผิด

นายกัน จอมพลัง กล่าวว่า เคสนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับเด็กๆ ที่คิดจะหนีออกจากบ้าน ไม่มีใครรักเราเท่ากับครอบครัว วันที่เกิดเรื่องทุกคนเห็นว่าผู้ชายก็ไม่ได้รักน้องจริง ใครจะรุมทำร้ายต่อหน้าก็ไม่สนใจ ดังนั้น อย่าเอาชีวิตไปฝากไว้กับใคร โดยเฉพาะผู้ชายที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ สุดท้ายคนที่ช่วยเหลือน้องก็คือคนในครอบครัว ซึ่งแม่บุญธรรมไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้ แต่ด้วยความรักจึงเข้ามาช่วยเหลือเต็มที่

ล่าสุด ทางครอบครัวได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยนายกัน จอมพลัง ได้ประสานไปยัง ผู้กำกับการ สภ.วังน้ำเย็น และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อเร่งรัดดำเนินการ ขณะนี้ได้นัดหมายให้น้องผู้เสียหายเข้าให้ปากคำกับสหวิชาชีพ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว ในวันที่ 9 พฤษภาคม เวลา 15.00 น. และจะนัดคู่กรณีมาด้วย หากการสอบปากคำแล้วเสร็จ ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาทันที

ด้าน นางสาวเมย์ พี่สาวบุญธรรมของน้องผู้เสียหาย เล่าว่า ยอมรับว่าน้องเป็นคนดื้อและทะเยอทะยาน รู้ว่าน้องคบกับผู้ชายคนนี้ผ่านเฟซบุ๊กมาประมาณ 6 เดือน และเคยหนีออกจากบ้านหลายครั้ง แต่ตนก็ไปตามกลับมา รอบนี้ที่ไม่ได้ตามเพราะต้องการดัดนิสัย แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงเช่นนี้ ตอนแรกถูกหลอกว่าน้องตกรถ ยอมรับว่ารู้สึกผิดที่ช่วงหลังทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลน้อง ทำให้น้องตีตัวออกห่าง

น้องผู้เสียหายเล่าว่า เหตุการณ์ทำร้ายเกิดจากการที่รุ่นพี่ในกลุ่มแฟนบังคับให้น้องใส่เสื้อเอวลอยและไปนั่งรถกับคนอื่น ทำให้น้องทะเลาะกับแฟน แฟนจึงไม่พอใจและลงมือก่อเหตุ นางสาวเมย์เผยว่า รู้สึกผิดที่ให้ความรักน้องน้อยลง และโทษตัวเองว่าอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้

หลังเกิดเหตุยังไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ปกครองฝ่ายผู้ก่อเหตุ และเมื่อตนพยายามคุยกับแฟนหนุ่มของน้องผ่านเฟซบุ๊กเพื่อถามถึงสาเหตุ เขาก็ขอโทษแบบไม่เต็มใจ และพูดเชิงดูถูกเมื่อตนบอกว่าจะเดินทางไปหา ทำให้รู้สึกโมโหมากขึ้น ปัจจุบันแฟนหนุ่มของน้องได้บล็อกเฟซบุ๊กไปแล้ว