จากกรณีความคืบหน้าการไต่สวนคดีกล่าวหาการรวมกลุ่ม หรือ ‘ฮั้ว’ ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดมีรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เริ่มออกหมายเรียกกลุ่ม สว. ที่เข้าข่ายถูกกล่าวหาแล้วกว่า 60 ราย โดยมีชื่อของ นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา รวมอยู่ด้วย ท่ามกลางการจับตาของสาธารณชนและสื่อมวลชน

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 รายงานข่าวจากสำนักงาน กกต. ระบุว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของ กกต. และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการได้มาซึ่ง สว. หลังจากที่มีการเผยแพร่ ‘โพยฮั้วเลือก สว.’ ออกมา ซึ่งนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

แหล่งข่าวแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ กกต. ได้ลงนามอนุมัติ ‘หมายเรียก’ สว. กลุ่มแรกที่อยู่ในข่ายถูกกล่าวหาแล้ว และในวันเดียวกัน ทาง กกต. ร่วมกับ ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการเข้าปิดหมายตามบ้านพักของ สว. กลุ่มดังกล่าวรวมแล้วกว่า 60 ราย เพื่อให้มารายงานตัวและชี้แจงข้อเท็จจริงตามกระบวนการของกฎหมาย

สำหรับรายชื่อ สว. กลุ่มแรกที่ถูกออกหมายเรียกในคดีฮั้วเลือก สว. ตามที่มีการรายงานข่าวออกมา ประกอบด้วย:

• นายอลงกต วรกี
• นายโชคชัย กิตติธเนศวร
• นายจิระศักดิ์ ชูความดี
• นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ
• นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร
• นายพิศูจน์ รัตนวงศ์
• และรายชื่ออื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายอลงกต วรกี เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยนายอลงกต ได้เปิดเผยความรู้สึกและยืนยันสถานะของตนเองว่า จนถึงขณะนี้ ตัวเขายังไม่ได้รับหมายเรียกใดๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (วันที่ 8 พฤษภาคม) และในช่วงเช้าของวันนี้ (วันที่ 9 พฤษภาคม) ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเดินทางมาที่บ้านหรือติดต่อมาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นายอลงกต วรกี ได้กล่าวอย่างชัดเจนและหนักแน่นว่า หากมีหมายเรียกมาถึงตัวจริงตามที่มีการนำเสนอข่าว เขาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและยินดีทำตามกระบวนการของกฎหมายทุกประการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาและยินยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในส่วนของตน

สถานการณ์นี้ยังคงเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ และความโปร่งใสของกระบวนการเลือก สว. ซึ่ง กกต. และ ดีเอสไอ จะต้องดำเนินการไต่สวนและสรุปผลเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป