กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนประชาชนทั่วประเทศให้เฝ้าระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2568 โดยเฉพาะพายุฤดูร้อนในพื้นที่ประเทศไทยตอนบน ซึ่งจะนำมาซึ่งฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า ขณะที่ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง พร้อมเตือนระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบนและฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2568) ฉบับที่ 4 (113/2568) ระบุถึงสาเหตุของปรากฏการณ์ครั้งนี้ว่า เกิดจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ซึ่งในขณะนี้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้เกิดการปะทะกันของมวลอากาศ ส่งผลให้เกิดพายุฤดูร้อนขึ้น

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน มีดังนี้:

• วันที่ 9 พฤษภาคม 2568: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
• วันที่ 10 พฤษภาคม 2568: ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี / ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล / ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
• วันที่ 11 พฤษภาคม 2568: ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี / ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล / ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด / ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
• วันที่ 12 พฤษภาคม 2568: ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ / ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล / ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด / ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร

สำหรับสถานการณ์ในภาคใต้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2568 โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง สาเหตุเนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น

นอกจากนี้ คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันก็จะมีกำลังแรงขึ้นเช่นกัน โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และสูงมากกว่า 2 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

คำเตือนและคำแนะนำสำหรับประชาชน:

• ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า
• หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง
• ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมในภาคใต้ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่ม
• วางแผนการเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมขัง
• สำหรับเกษตรกร ควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตและสัตว์เลี้ยง
• ดูแลสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

สำหรับชาวเรือในบริเวณทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในช่วงวันดังกล่าว

กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17.00 น. ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทรศัพท์ 0-2399-4012-13 และสายด่วน 1182

ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 05.00 น.