กรุงเทพฯ, 8 พฤษภาคม 2568 – ซิตี้ รีเสิร์ช ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยในปี 2568 ลงเหลือ 2.2% จากเดิมที่คาดไว้ 3% และคาดการณ์ GDP ปี 2569 ไว้ที่ 2% สะท้อนถึงความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากสถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงผันผวน

นายทาริก อาเหม็ด ข่าน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการขายและโซลูชันภาคองค์กรประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย เปิดเผยว่า การตัดสินใจปรับลดคาดการณ์ครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และมาตรการตอบโต้จากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกและภาคการผลิตของไทย ที่กำลังเผชิญความท้าทายด้านความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงอยู่แล้ว

แม้สหรัฐฯ จะชะลอการขึ้นภาษีตอบโต้ไทยในอัตรา 36% ออกไป 90 วัน แต่ก็สร้างความไม่แน่นอนว่าประเทศไทยจะยังคงได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก (Supply Chain Relocation) หรือไม่ ด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้ ซิตี้จึงได้ปรับลดคาดการณ์การลงทุนภาคเอกชนลงเช่นกัน เนื่องจากโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในปี 2566-2567 หลายโครงการ อาจเกิดความล่าช้าในการดำเนินการ

ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนยังคงมีสัญญาณอ่อนแอ ส่วนหนึ่งมาจากระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา

กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยช่วยพยุงการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา เริ่มแสดงอาการชะลอตัวลงเช่นกัน โดยได้รับผลกระทบด้านลบต่อความมั่งคั่ง (negative wealth effect) จากความผันผวนของตลาดหุ้น รวมถึงภาระทางการเงินที่อาจเพิ่มขึ้นจากการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สำหรับภาคการท่องเที่ยว ยังคงเป็นความหวังของเศรษฐกิจ โดยซิตี้คาดการณ์ว่าในปี 2568 ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 39.8 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็น 43 ล้านคนในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่อาจลดลงจากความกังวลด้านความปลอดภัยในการเดินทางมาประเทศไทย

ด้านการใช้จ่ายภาครัฐ คาดว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุน แต่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ยังมีข้อจำกัด หากรัฐบาลไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะที่ปัจจุบันกำหนดไว้ไม่เกิน 70% ของ GDP จึงคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในปี 2568 จากงบประมาณเหลือจ่ายจากปีก่อนหน้า และอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดเล็กเพิ่มเติมเข้ามา

นอกจากนี้ ซิตี้ รีเสิร์ช ยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 เหลือ 0.6% และปี 2569 ที่ 1.2% โดยมีความเสี่ยงขาลงจากราคาพลังงานและสินค้าบางประเภทที่มีแนวโน้มลดลง เช่น ค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมัน และสินค้านำเข้าจากประเทศจีน

จากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อดังกล่าว ซิตี้ รีเสิร์ช จึงคาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือนตุลาคม 2568 ทำให้เหลืออัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% เป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินเล็กน้อย และอาจมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในช่วงต้นปี 2569

นายทาริก กล่าวสรุปว่า แนวโน้มที่ ธปท. จะใช้ค่าเงินบาทที่อ่อนลงเป็นกลไกในการดูดซับแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอก อาจเผชิญความท้าทาย จากการที่ไทยยังไม่สามารถนำดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลมาใช้หมุนเวียนภายในประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จับตามองว่ามีพฤติกรรมบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด