YLG ชี้ทองผันผวนระยะสั้น แต่เชื่อไม่ลงลึก แนะหาจังหวะเข้าลงทุน ชี้เป้าทองไทย 51,200-53,200 บาท

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดทองคำเริ่มเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นเข้ามากดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เริ่มมีกระแสข่าวและความคาดหวังเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งมีกำหนดจะพบปะกันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยมีตัวแทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมการเจรจา

นอกจากปัจจัยการเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ-จีนแล้ว ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้โพสต์ข้อความบน Truth Social ระบุว่าจะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับ "ข้อตกลงการค้าที่สำคัญกับประเทศขนาดใหญ่" ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน แม้สื่อจะตีความว่าอาจหมายถึงสหราชอาณาจักร

อย่างไรก็ตาม YLG ประเมินว่า แม้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจะถูกขายทำกำไรในระยะสั้นจากปัจจัยเหล่านี้ แต่สถานการณ์การเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะไม่สามารถคลี่คลายได้โดยง่ายและรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น ในระยะกลาง การเจรจาจะยังคงดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป อาจมีการผ่อนปรนมาตรการบางอย่างเพื่อเปิดทางสู่การเจรจาขั้นถัดไป แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีฝ่ายใดแสดงท่าทีอ่อนข้ออย่างชัดเจน

ประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงมีอยู่ เช่น กรณีที่กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่าสหรัฐฯ เป็นฝ่ายติดต่อขอเจรจาเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับกล่าวว่าจีนเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจา ทำให้ความไม่แน่นอนยังคงอยู่

จากปัจจัยเหล่านี้ YLG จึงมองว่าการพักตัวของราคาทองคำจะไม่เป็นการปรับฐานที่ลงลึกมากนัก เพราะความขัดแย้งทางการค้าที่ยืดเยื้อย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกไม่มากก็น้อย และในทางกลับกัน หากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ ก็จะกลับมากระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้อีกครั้ง

สำหรับแนวโน้มระยะยาว YLG คาดว่า หลังจากจบรอบการพักฐาน ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และหากสามารถทะลุผ่านระดับดังกล่าวขึ้นไปได้ จะมีเป้าหมายระยะยาวในปีนี้ที่ 3,600-3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนทองคำแท่งในประเทศ หากผ่านแนวต้านสำคัญที่ 54,400 บาทต่อบาททองคำได้ มีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบเป้าหมายระยะยาวที่ 56,000–57,500 บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศเผชิญแรงกดดันมากกว่าราคาทองคำในตลาดโลก

YLG แนะนำนักลงทุนระยะสั้นให้หาจังหวะทำกำไรจากการเข้าซื้อขายภายในกรอบ โดยให้กรอบแนวรับราคาทองคำในตลาดโลกที่ 3,320-3,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวต้านที่ 3,400-3,415 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับทองคำแท่งในประเทศ มองกรอบแนวรับที่ 51,650-51,200 บาทต่อบาททองคำ และกรอบแนวต้านที่ 52,900-53,200 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับนักลงทุนที่มีเงินลงทุนเริ่มต้นจำกัด YLG มีบริการ Gold Wallet ซึ่งให้ซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแบบเรียลไทม์ ซื้อขายขั้นต่ำเพียง 0.1 ออนซ์

ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่เน้นการลงทุนระยะยาว YLG แนะวิธีสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA (Dollar-Cost-Average) ซึ่งช่วยสร้างวินัยในการลงทุนและเข้าถึงราคาทองคำได้หลากหลายช่วงเวลา โดยปัจจุบันสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้ด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *