ผบก.ตรัง สั่งฟันวินัยร้ายแรง ‘ด.ต.จี้ทอง’ แม่ค้าไส้กรอก ก่อนปาดคอหนีผิด อาการพ้นวิกฤต ถูกคุมตัวเฝ้า 24 ชม.
ตรัง – ผบก.ภ.จว.ตรัง เผยความคืบหน้าคดีสุดฉาว ตำรวจยศ ด.ต. ก่อเหตุจี้ชิงทองแม่ค้าไส้กรอก ก่อนใช้มีดปาดคอตัวเองบนโรงพักขณะถูกเข้าจับกุม ล่าสุดอาการพ้นวิกฤตแล้ว แต่ยังให้การไม่ได้ ถูกเฝ้าประกบ 24 ชั่วโมง ด้านผู้การฯ ยันดำเนินคดีตรงไปตรงมา ไม่ละเว้น พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โทษสูงสุดปลดออกหรือไล่ออก ย้ำเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่กระทบภาพรวมตำรวจตรัง
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.นาโยง และ กก.สส.ภ.จว.ตรัง สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจกองปราบฯ นำหมายจับศาลเข้าจับกุมตัว ด.ต.ธีรยุทธ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.หาดสำราญ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีก่อเหตุจี้ชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จากแม่ค้าไส้กรอก เหตุเกิดในพื้นที่ ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง โดยขณะที่เจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุมที่ สภ.นาโยง ด.ต.ธีรยุทธ เกิดอาการตกใจ วิ่งเข้าไปหน้าห้องวิทยุสื่อสาร คว้ามีดที่วางอยู่บนโต๊ะปาดเข้าที่ลำคอตัวเอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (9 พฤษภาคม 2568) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณร้านขายไส้กรอกอีสาน ริมถนนนาโยง-ย่านตาขาว ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าร้านยังคงปิดให้บริการ โดยพยายามติดต่อไปยัง น.ส.พรพิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ คาดว่ายังคงอยู่ในอาการตกใจและหวาดผวาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงบ่าย สังเกตเห็นชายต้องสงสัยสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ขับขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนดูลาดเลาบริเวณที่เกิดเหตุหลายรอบ ก่อนอาศัยจังหวะที่ปลอดคนเข้าก่อเหตุชิงทอง โดยที่ไม่มีเสียงโวยวายใดๆ ซึ่งสร้างความตกใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยเกิดเหตุการณ์อุกอาจเช่นนี้มาก่อน
ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจี้ชิงทอง ทางตนได้รับรายงานการสืบสวนมาโดยตลอด โดยกล้องวงจรปิดในพื้นที่สามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ ทำให้สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำ และได้มีการสืบสวนอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุรู้ตัว จนกระทั่งมีการออกหมายจับ เมื่อเจ้าหน้าที่นำหมายจับเข้าแสดงตัว ด.ต.ธีรยุทธ น่าจะตกใจและพยายามก่อเหตุทำร้ายตัวเองเพื่อหลบหนีความผิด ซึ่งในขณะถูกจับกุม ผู้ต้องหาไม่มีอาวุธปืนพกติดตัวอยู่แล้ว
พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อาการของ ด.ต.ธีรยุทธ พ้นขีดอันตรายและพ้นจากภาวะวิกฤตแล้ว อยู่ระหว่างพักรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาลศูนย์ตรัง แต่ยังไม่สามารถให้การใดๆ ได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ได้จัดกำลังเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับประเด็นเรื่องการดำเนินคดี ผู้ต้องหาขณะนี้อยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานแล้ว แต่เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ จึงยังไม่สามารถนำตัวไปฝากขังต่อศาลได้ โดยในวันพรุ่งนี้ (9 พฤษภาคม) จะดำเนินการยื่นขอหมายขังต่อศาลจังหวัดตรังแทน ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานและสำนวนคดี จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการละเว้น ถึงแม้ผู้ต้องหาจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม
ในส่วนของบทลงโทษทางวินัย พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ ยืนยันว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำความผิดอาญาเสียเอง ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีโทษสถานหนักคือ ปลดออก หรือ ไล่ออก โดยจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนตามระเบียบต่อไป
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ยังได้กล่าวถึงมาตรการควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ที่ผ่านมาได้มีการดูแล ควบคุมความประพฤติ และอบรมอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดส่วนบุคคล ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาส่วนตัว ทั้งด้านการเงินหรือปัญหาอื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่โดยภาพรวมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดตรังส่วนใหญ่ยังคงมีระเบียบวินัย มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเนื้อร้าย ซึ่งจำเป็นต้องตัดออก เพื่อรักษาอวัยวะส่วนใหญ่ไว้
พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ ยังกล่าวเสริมถึงมาตรการสุ่มตรวจสารเสพติดในหมู่ตำรวจก็มีการดำเนินการมาโดยตลอดตามมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปลอดจากยาเสพติด ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนน้อยมากๆ และขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า ภายใต้การบริหารของผู้บังคับบัญชายุคปัจจุบัน ตำรวจตรังยังคงทำงานอย่างเต็มที่เพื่อดูแลความปลอดภัยและความสงบสุขของประชาชน ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ