น้อมรำลึก 103 ปี ชาตกาล “หลวงพ่อพัฒน์ ปุญฺญกาโม” พระเกจิชื่อดังนครสวรรค์ ศิษย์พุทธาคมหลวงพ่อเดิม

วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2568 พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศร่วมกันน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีและวัตรปฏิบัติอันงดงาม เนื่องในโอกาสครบรอบ 103 ปี แห่งชาตกาล พระราชมงคลวัชราจารย์ หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงพ่อพัฒน์ ปุญฺญกาโม” อดีตเจ้าอาวาสวัดธารทหาร (วัดห้วยด้วน) อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังระดับแนวหน้าของประเทศไทย ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวาง

หลวงพ่อพัฒน์ ปุญฺญกาโม ท่านเป็นศิษย์พุทธาคมที่ได้ร่ำเรียนวิชาจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูปในอดีต อาทิ หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพ ซึ่งถือเป็นพระอาจารย์ใหญ่ด้านพุทธาคมของท่าน, หลวงพ่ออิน วัดหางน้ำสาคร, หลวงพ่อหมึก วัดสระทะเล และ หลวงพ่อโหมด วัดโคกเดื่อ ซึ่งล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในยุคนั้น

ชาติภูมิของหลวงพ่อพัฒน์ ท่านมีนามเดิมว่า พัฒน์ ก้อนจันเทศ เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ บ้านสระทะเล ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นบุตรของนายพุฒ และนางแก้ว (สกุลเดิม ฟุ้งสุข) ก้อนจันเทศ

ในช่วงวัยเด็ก ครอบครัวของท่านประสบปัญหาภัยแล้งที่บ้านสระทะเล จึงต้องอพยพไปทำนาที่บ้านหนองเนิน และบ้านหนองหลวง อำเภอท่าตะโก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หลวงพ่อเดิมกำลังก่อสร้างเสนาสนะให้กับวัดหนองหลวง บิดาของท่านได้ไปช่วยงานก่อสร้างและยังได้เรียนรู้การเขียนอ่าน รวมถึงฝึกท่องคาถาสั้นๆ จากหลวงพ่อเดิม ทำให้ท่านได้มีโอกาสซึมซับและเรียนรู้จากหลวงพ่อเดิมตั้งแต่วัยเยาว์ นอกจากนี้ ท่านยังได้ศึกษาภาษาไทยและภาษาขอมจากหลวงตาน้อย และฝึกหัดนั่งสมาธิกับหลวงพ่ออิน

เมื่ออายุ 13 ปี ท่านได้เดินทางกลับมาเรียนหนังสือต่อจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่วัดสระทะเล อำเภอพยุหะคีรี โดยได้ไปอยู่กับหลวงลุงชื่อหมึก ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล ในช่วงที่พำนักอยู่ที่วัดหนองหลวงและวัดสระทะเลนี้เอง ท่านได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อเทศเพิ่มเติม

เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหาร ท่านถูกคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการ แต่เนื่องจากเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ขึ้นก่อนหมดวาระปลดประจำการ ท่านจึงต้องรับราชการทหารต่อไปจนถึงอายุ 24 ปี และปลดประจำการในปี พ.ศ.2489

หลังจากปลดประจำการ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทในปีเดียวกัน ณ อุโบสถวัดสระทะเล โดยมี พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อยอด) วัดเขาแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการชั้ว วัดสระทะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมและพระกัมมัฏฐาน รวมถึงการเรียนพุทธาคมจากครูบาอาจารย์หลายรูป โดยเฉพาะการได้พบกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ซึ่งในขณะนั้นหลวงพ่อเดิมไปสร้างเสนาสนะและอุโบสถอยู่ที่วัดอินทาราม ท่านได้เดินทางไปเรียนสรรพวิชาทั้งด้านกัมมัฏฐานและพุทธาคมจากหลวงพ่อเดิมโดยตรง หลวงพ่อเดิมได้เมตตาให้ท่านไปจำวัดอยู่ที่วัดเขาแก้วกับหลวงพ่อกัน เนื่องจากวัดอินทารามกำลังซ่อมสร้างไม่สะดวกแก่การพำนัก ท่านจึงต้องเดินทางไปเช้าเย็นกลับระหว่างสองวัดเพื่อร่ำเรียนวิชาอยู่เกือบสองพรรษาจนสำเร็จ

นอกจากนี้ ท่านยังได้ออกเดินทางธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้ไปพักกับ หลวงพ่อชุบ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง หลวงพ่อชุบได้ถ่ายทอดวิชาเมตตามหานิยมให้ และขอให้ท่านเป็นพระคู่เทศน์ปุจฉา-วิสัชนาคู่กันเป็นระยะ ต่อมาเมื่อท่านจะลาหลวงพ่อชุบกลับวัดสระทะเล หลวงพ่อชุบกลับขอให้ท่านอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งแทนอีก 3 ปี เพื่อที่หลวงพ่อชุบจะไปพัฒนาวัดพระยืนพุทธบาทยุคลก่อน ท้ายที่สุด ท่านจึงต้องอยู่ดูแลวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งนานถึง 6 ปี ก่อนจะได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระทะเลอีกครั้ง

กระทั่งครอบครัวของท่านได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลธารทหาร อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ พุทธศาสนิกชนและผู้นำชุมชนชาวตำบลธารทหารจึงได้ร่วมกันอาราธนาให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดธารทหาร (วัดห้วยด้วน) ท่านจึงได้ย้ายมาจำพรรษาและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2513 เป็นต้นมา

สำหรับวัดธารทหาร เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดห้วยด้วน ตามชื่อหมู่บ้าน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2482 เนื่องจากมีลำคลองเล็กที่แยกมาจากห้วยน้ำสาดเหนือและสิ้นสุดลงที่บริเวณนี้ ชาวบ้านจึงเรียกขานว่า “ห้วยด้วน” ซึ่งกลายเป็นชื่อหมู่บ้านและชื่อวัดในเวลาต่อมา ปัจจุบันหมู่บ้านได้เปลี่ยนชื่อเป็นบ้านธารทหารแล้ว

ด้วยวัตรปฏิบัติอันงดงาม ความเมตตา และพุทธาคมอันแก่กล้า ทำให้หลวงพ่อพัฒน์กลายเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอย่างรวดเร็ว มีผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และขอพรเสริมความเป็นสิริมงคลที่วัดธารทหารอย่างไม่ขาดสาย ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างยิ่ง และมักได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ อยู่เสมอ

หลวงพ่อพัฒน์ ปุญฺญกาโม ได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริอายุรวม 101 ปี พรรษา 77 การจากไปของท่านยังความอาลัยแก่ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง แต่คุณงามความดีและคำสอนของท่านยังคงสถิตอยู่ในความทรงจำตลอดไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *