กรมควบคุมโรค เผย 4 เดือน โควิดไทยเสียชีวิต 14 ราย ผู้เชี่ยวชาญจับตาสายพันธุ์ ‘LP.8.1’ แพร่เร็ว หลบภูมิคุ้มกัน

กรุงเทพฯ – กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ล่าสุด สำหรับช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 พบตัวเลขผู้ป่วยสะสมและผู้เสียชีวิต

ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 41,187 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 14 ราย

ขณะเดียวกัน ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ไวรัส SARS-CoV-2 ที่กำลังมีการแข่งขันกันในปัจจุบัน

รายงานดังกล่าวระบุถึง “ภูมิทัศน์สมรภูมิสายพันธุ์โควิด” โดยชี้ว่าสายพันธุ์ LP.8.1 กำลัง “ผงาด” ในขณะที่สายพันธุ์ XEC เริ่ม “ถอยทัพ” และสายพันธุ์ PA.1 เป็นสายพันธุ์ที่ “น่าจับตา”

ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์จีโนมฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การติดตามวิวัฒนาการของไวรัส SARS-CoV-2 ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด โดยสายพันธุ์ LP.8.1 ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากสายพันธุ์ JN.1 และผ่านการวิวัฒนาการมาจาก KP.1.1.3 นั้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแพร่เชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดี ทำให้ LP.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์ที่แพร่หลายในหลายภูมิภาคของโลกในช่วงต้นปี 2568 นี้

สำหรับสายพันธุ์ XEC ซึ่งเป็นสายพันธุ์ลูกผสม และเคยเป็นสัดส่วนสำคัญของการระบาดในบางพื้นที่ กลับมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อต้องเผชิญกับการแข่งขันจากสายพันธุ์ LP.8.1 ที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากศูนย์จีโนมฯ ระบุว่า ทั้งสายพันธุ์ LP.8.1 และ XEC ในปัจจุบัน ยังไม่พบหลักฐานว่าก่อให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆ ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้ และคาดว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน น่าจะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากสายพันธุ์เหล่านี้ได้

ในส่วนของสายพันธุ์ PA.1 แม้จะมีที่มาจากสายพันธุ์ KP.1.1.3 เช่นเดียวกับ LP.8.1 แต่จากการวิเคราะห์แผนภูมิสายวิวัฒนาการ พบว่า PA.1 มีเส้นทางการวิวัฒนาการที่แตกต่างออกไป ปัจจุบัน สัดส่วนการระบาดของ PA.1 ยังค่อนข้างต่ำ แต่ตำแหน่งทางพันธุกรรมที่แตกต่างออกไปบนแผนภูมิวิวัฒนาการ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต้องจับตาและเฝ้าระวังสายพันธุ์นี้เป็นพิเศษต่อไป

สถานการณ์ล่าสุดนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและติดตามการเปลี่ยนแปลงของไวรัสอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต รวมถึงการเฝ้าระวังทางจีโนมเพื่อรับมือกับการอุบัติขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ๆ ในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *