ตำรวจปทุมธานีจับกุมชาวละตินอเมริกา 4 คน คดีโจรกรรมบ้านเรือน
PATHUM THANI — ตำรวจสามารถจับกุมชาวละตินอเมริกา 4 คน ซึ่งประกอบด้วยชาวโคลอมเบีย 3 คน และชาวเปรู 1 คน ที่มีส่วนร่วมในชุดคดีโจรกรรมบ้านเรือนทั่วจังหวัดปทุมธานี โดยผู้ต้องหาถูกจับกุมในจังหวัดหนองคายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศลาว
พล.ต.ท. สุรพล เพิ่มบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ประกาศการจับกุมในการแถลงข่าวที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีในเย็นวันจันทร์
คดีนี้เริ่มต้นเมื่อนางดวงดาว ผู้พักอาศัยในตำบลบางขวาง จังหวัดปทุมธานี ร้องเรียนเมื่อวันที่ 6 เมษายน เวลาประมาณ 20.00 น. ว่ามีโจรบุกเข้าบ้านและขโมยตู้นิรภัยที่มีของมีค่าภายใน รวมถึงสร้อยคอทองคำ แหวนเพชร นาฬิกา และพระเครื่อง มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าโจรเป็นชาวต่างชาติ 4 คน นักสืบติดตามรถที่ใช้ในการก่อเหตุและพบว่าหลังจากก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้ทิ้งตู้นิรภัยของเหยื่อลงในคลองประเวศบุรีรมย์ในเขตลาดกระบัง และทิ้งรถเช่าบนถนนกำแพงเพชร 7 ในเขตสวนหลวง
ตำรวจพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้เช่าบ้านในพื้นที่ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และใช้รถเช่าเพื่อสำรวจบ้านเรือนราคาแพงที่มีระบบรักษาความปลอดภัยน้อย ในวันที่เกิดเหตุโจรกรรมบ้านนางดวงดาว ผู้ต้องหาได้สังเกตเห็นเธอออกจากบ้านด้วยรถยนต์ ก่อนจะกดกริ่งประตูเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน แล้วจึงปีนรั้ว บุกเข้าไปและขโมยของมีค่า
จากการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและทีมสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับผู้ต้องหา 4 คน ได้แก่ นายราอูล ควิเทียน อายุ 67 ปี และนายเนลสัน โรฮาส อายุ 46 ปี ทั้งคู่เป็นชาวโคลอมเบียที่บุกเข้าบ้าน, นายลุยส์ โรเมโร อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นชาวโคลอมเบียเช่นกันทำหน้าที่เฝ้าดู และนายซานโดร โพมาลีอา อายุ 29 ปี ชาวเปรู ที่เช่าและขับรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ
นักสืบพบว่านายซานโดรเข้าประเทศไทยก่อน แล้วจึงพบกับผู้ต้องหาชาวโคลอมเบียอีก 3 คนที่เข้าประเทศไทยผ่านทางลาว กลุ่มนี้รายงานว่าพบกันและวางแผนการก่อเหตุบนถนนข้าวสารก่อนเริ่มปฏิบัติการโจรกรรม
ตำรวจได้หมายจับจากศาลจังหวัดปทุมธานีและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนในจังหวัดหนองคาย ขณะที่พวกเขากำลังพยายามหลบหนีไปยังลาว ของที่ถูกขโมยไปหลายชิ้นถูกยึดคืนได้ในการจับกุมครั้งนี้ ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหาหลักฐานร่วมกันกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหาชาวละตินอเมริกาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายอาชญากรรมต่างชาติขนาดใหญ่ และได้ขอให้มีล่ามเพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาแต่ละคนแยกกันอย่างละเอียด เพื่อระบุผู้สมรู้ร่วมคิดเพิ่มเติม