กรมอุทยานฯ-อพท. เผยความคืบหน้า ‘กระเช้าภูกระดึง’ เดินหน้าศึกษาต่อ ย้ำต้องผ่าน EIA ก่อนอนุมัติ

เลย — กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ได้เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ภูกระดึง จังหวัดเลย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย

จากการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาและพิจารณารายละเอียดในทุกมิติ ขณะนี้ได้มีการนำเสนอเทคโนโลยีการก่อสร้างกระเช้าหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศในทวีปยุโรป เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และเยอรมนี โดยเน้นรูปแบบการก่อสร้างเสาแบบแท่งเดียว เพื่อให้กระทบต่อพื้นที่และพันธุ์ไม้น้อยที่สุด

ในการหารือเบื้องต้น คาดว่าการก่อสร้างในเฟสแรก ซึ่งเป็นส่วนของระบบกระเช้า จะใช้งบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนเฟสที่ 2 จะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ทั้งบริเวณด้านบนและด้านล่างของภูกระดึง

อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า จากการรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่พบว่า มีเสียงเห็นด้วยกับโครงการกระเช้าภูกระดึงเป็นจำนวนมาก ทำให้เสียงคัดค้านลดน้อยลงกว่าในอดีต

ล่าสุด กรมอุทยานฯ ได้พิจารณาต่ออายุใบอนุญาตให้คณะทำงานสามารถดำเนินการศึกษาโครงการต่อได้อีกไม่เกิน 2 ปี พร้อมทั้งยืนยันหนักแน่นว่า โครงการกระเช้าภูกระดึงจะต้องผ่านกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้เดินหน้าต่อไป

หากโครงการได้รับการอนุมัติ คาดว่า อพท. จะเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการก่อสร้าง และเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะส่งมอบพื้นที่ให้กรมอุทยานฯ เป็นผู้บริหารจัดการ โดยยังคงยืนยันว่าจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขึ้นภูกระดึงไม่เกินวันละ 2,000 คน เช่นเดิม เพื่อรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ

ทางกรมอุทยานฯ ย้ำว่า ในทุกขั้นตอนของกระบวนการศึกษาและการดำเนินงาน จะให้ความสำคัญกับการทำให้โครงการมีความกลมกลืนกับธรรมชาติ และลดผลกระทบต่อพื้นที่อุทยานฯ ให้ได้มากที่สุด

โครงการกระเช้าภูกระดึงถูกนำกลับมาผลักดันอย่างจริงจังอีกครั้ง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดหนองบัวลำภูเมื่อช่วงปลายปี 2566 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังถูกมองว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มผู้สูงวัยและเด็ก ตลอดจนผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย สามารถเข้าถึงและสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามของภูกระดึงได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงที่สามารถเดินเท้าขึ้นไปได้เท่านั้น รวมถึงประโยชน์ในด้านการขนส่งสัมภาระ การจัดการขยะ และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ก็ยังคงมีเสียงคัดค้านและท้วงติงจากกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงความห่วงกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์ป่า พันธุ์พืช และระบบนิเวศอันเปราะบางของภูกระดึง รวมถึงความกังวลว่ากระเช้าไฟฟ้าอาจลดทอนเสน่ห์และบรรยากาศการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ดังนั้น การเดินหน้าโครงการนี้จึงจำเป็นต้องมีการศึกษา วิเคราะห์ และพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งต้องดำเนินการผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภูกระดึงในระยะยาว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *