อายัดทัน! ไซเบอร์คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลฯ หลอกลงทุนเทรดทอง กว่า 1.8 แสน หลังรวบบัญชีม้า
กรุงเทพฯ – วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้แถลงผลความคืบหน้าปฏิบัติการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” EP.4 ซึ่งเป็นปฏิบัติการต่อเนื่องในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ โดยในครั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์สามารถติดตามอายัดเงินและนำเงินจำนวน 185,999 บาท คืนให้กับผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งถูกแก๊งคนร้ายหลอกลวงให้ลงทุนเทรดทองคำ
ผู้เสียหาย อายุ 45 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนมีความต้องการหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มรายได้จากงานประจำ จึงได้ค้นหาช่องทางการลงทุน และได้พบโฆษณาเชิญชวนลงทุนเทรดทองคำบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ซึ่งดูน่าเชื่อถือ จึงเกิดความสนใจและติดต่อเข้าไปตามที่โฆษณาชี้ช่องไว้
หลังจากติดต่อเข้าไป ผู้เสียหายถูกดึงเข้ากลุ่มสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ โดยมีกลุ่มคนร้ายทำทีเป็นผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและชักชวนให้โอนเงินเพื่อลงทุนเทรดทองคำ โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูงและรวดเร็ว ด้วยความหวังที่จะสร้างรายได้เพิ่ม ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อและตัดสินใจโอนเงินลงทุนไปให้คนร้ายหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เสียหายต้องการใช้เงินและได้แจ้งความประสงค์ขอถอนเงินลงทุนคืน กลับไม่สามารถดำเนินการได้ คนร้ายเริ่มบ่ายเบี่ยงและอ้างเหตุผลต่างๆ นานา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีกหลายครั้งเพื่อเป็นค่าดำเนินการต่างๆ เช่น ค่าภาษี ค่าธรรมเนียม หรือค่าปลดล็อกระบบ ในที่สุด ผู้เสียหายจึงตระหนักได้ว่าตนเองถูกหลอกลวง และพบว่าได้สูญเสียเงินไปรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนกว่า 4 แสนบาทเศษ จึงได้เข้าแจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายและนำเงินคืน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังได้รับแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้ายอย่างละเอียด จนพบว่าเงินที่ผู้เสียหายโอนไปนั้นถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของบุคคลหนึ่ง คือ นายดวงคำ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานงานกับทางธนาคารเจ้าของบัญชีอย่างรวดเร็ว เพื่อดำเนินการตรวจสอบและอายัดเงินในบัญชีดังกล่าวไว้ได้ทันท่วงที ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะโยกย้ายเงินออกไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวนายดวงคำ ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหายมาดำเนินคดี โดยนายดวงคำ ให้การรับสารภาพในเบื้องต้นว่า ตนเองได้ถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการรับโอนเงิน แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด และยินดีที่จะคืนเงินจำนวนที่อายัดไว้ได้ให้กับทางผู้เสียหาย
จากการปฏิบัติการในครั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์สามารถติดตามอายัดเงินจำนวน 185,999 บาท คืนให้กับผู้เสียหายได้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ฝากเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนที่อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งมักจะเป็นกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพ ควรตรวจสอบข้อมูลบริษัทหรือบุคคลที่ชักชวนลงทุนให้แน่ใจ และไม่ควรหลงเชื่อการโอนเงินในลักษณะที่ผิดปกติ หากตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ สามารถแจ้งความได้ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือโทรสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง