กรุงเทพฯ – 6 พฤษภาคม 2568 – นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า เดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเปิดภาคเรียน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นตลาดค้าปลีกให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ยอดขายในเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกำลังซื้อที่ซบเซา

เพื่อเป็นการรับช่วงเปิดเทอมและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง บิ๊กซีจึงได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ จัดแคมเปญพิเศษ “ช้อปครบคุ้ม รับเปิดเทอมที่บิ๊กซี” ขึ้น โดยได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน และจะต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ทั่วประเทศ ณ บิ๊กซี 156 สาขา

ภายในแคมเปญนี้ บิ๊กซีได้จัดโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษกว่า 7,000 รายการ ครอบคลุมทุกสินค้าที่จำเป็นสำหรับนักเรียนและผู้ปกครอง ทั้งเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การเรียน และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 69 บาท และลดราคาสูงสุดถึง 50%

ไฮไลต์ของโปรโมชั่นสุดคุ้มได้แก่ ชุดนักเรียนทุกระดับชั้นราคาเริ่มต้น 69 บาท, รองเท้าผ้าใบนักเรียนคู่ละ 99 บาท, ถุงเท้านักเรียนแบรนด์ Besico แพ็ก 5 คู่ ราคา 100 บาท, โปรโมชั่นซื้อ 3 จ่าย 2 สำหรับชุดนักเรียนแบรนด์ดังทุกระดับชั้น (คละแบบได้), และโปรโมชั่นซื้อ 5 ชิ้น จ่ายเพียง 4 ชิ้นสำหรับอุปกรณ์เครื่องเขียน นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าล้อลากลายลิขสิทธิ์ราคาเริ่มต้น 359 บาท และกระเป๋าเป้ราคาพิเศษเพียง 99 บาท

นอกจากส่วนลดและราคาพิเศษแล้ว ผู้บริโภคยังได้รับความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นด้วยคูปองส่วนลด 50 บาท เมื่อซื้อชุดนักเรียนครบ 299 บาท และข้อเสนอพิเศษผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน สำหรับสินค้าทุกชิ้นทั้งห้างฯ รวมถึงสิทธิ์ในการแลกซื้อของกิน ของใช้ และของเรียนรู้สุดคุ้มเมื่อซื้อสินค้าครบ 299 บาทขึ้นไป

นายอัศวินกล่าวเสริมว่า การจัดแคมเปญนี้เพื่อเป็นการตอบรับกับโครงการ “เปิดเทอม เติมพลัง” ของภาครัฐ และคาดหวังว่าช่วงเปิดภาคเรียนนี้จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายในกลุ่มสินค้าแบ็กทูสคูล (Back to School) ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มากกว่า 25% หรือมียอดขายรวมมากกว่า 500 ล้านบาท โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์การเรียนที่จำหน่ายผ่านช่องทางบิ๊กซี

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบิ๊กซียอมรับว่า ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลาดค้าปลีกโดยรวมได้รับผลกระทบอย่างหนัก ส่งผลให้ยอดขายลดลงพอสมควรเมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงซบเซา ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาลดลง ส่งผลกระทบต่อสาขาที่พึ่งพานักท่องเที่ยว

“เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งภาพรวมตลาดค้าปลีก ไม่ใช่แค่ที่บิ๊กซี ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทำให้กำลังซื้อและกำลังใจในการซื้อสินค้าลดลง” นายอัศวินกล่าว และมองว่าสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงขึ้นอยู่กับภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกซึ่งยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่จะได้รับผลกระทบจากหลายด้าน อาทิ กำแพงภาษีของสหรัฐฯ “ถ้าตกลงกันได้ ครึ่งปีหลังน่าจะดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่น่าจะดี”

ด้านนายอานนท์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมจิตต์ แมนนูแฟกเจอร์ริ่ง จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการในตลาดสินค้าชุดนักเรียน ให้ความเห็นว่า ภาพรวมตลาดชุดนักเรียนในปีนี้มีแนวโน้มทรงตัว หรืออาจเติบโตหรือติดลบได้ในกรอบประมาณ 5% จากมูลค่าตลาดรวมที่อยู่ระหว่าง 3,000-5,000 ล้านบาท เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักและผู้บริโภคยังไม่มีความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ชุดนักเรียนยังคงเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่าย ทำให้ตลาดยังคงมีอยู่