กรุงเทพฯ – เกาะติดสถานการณ์น้ำประจำปี 2568: เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง พร้อมทั้งยืนยันถึงความพร้อมในการกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้สำหรับฤดูแล้งปีถัดไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมชลประทานซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มีมติเห็นชอบไว้อย่างเคร่งครัด โดยเน้นย้ำให้มีการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทั่วประเทศอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างทันท่วงทีและสอดคล้องกับสถานการณ์จริงในแต่ละพื้นที่

หัวใจสำคัญของแผนในปีนี้ นอกจากการรับมือกับปริมาณฝนเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงแหล่งน้ำและแม่น้ำสายหลัก เช่น ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน เพื่อกักเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงฤดูฝนนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองที่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในทุกภาคส่วนไปจนถึงช่วงฤดูแล้งปีถัดไป

ท่านรัฐมนตรีเกษตรฯ ได้กล่าวถึงความมั่นใจในการบริหารจัดการน้ำในปีนี้ โดยระบุว่า กรมชลประทานมีความพร้อมและไม่รู้สึกหนักใจ เนื่องจากได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงพื้นที่ในลุ่มน้ำสำคัญต่างๆ อย่างเป็นระบบ มีการประเมินความต้องการใช้น้ำล่วงหน้า มีการพัฒนาระบบการตรวจวัดและการจัดเก็บข้อมูลสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์ รวมถึงได้นำเทคโนโลยีและแบบจำลองทางอุทกวิทยาที่ทันสมัยเข้ามาช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำท่า

การนำข้อมูลและการคาดการณ์เหล่านี้มาใช้ จะช่วยให้การวิเคราะห์สถานการณ์และการวางแผนป้องกันล่วงหน้ามีความแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถใช้เป็นข้อมูลในการเตือนภัยประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียและความเสียหายจากอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ แผนดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการวางแผนจัดสรรน้ำทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้งให้มีความแม่นยำและทันต่อสถานการณ์ โดยทั้งหมดนี้จะยึดหลักตามมาตรการรับมือฤดูฝนและมาตรการรับมือฤดูแล้งที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

ศ.ดร.นฤมล ย้ำทิ้งท้ายว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการบรรเทาภัยจากน้ำ และการสร้างความมั่นคงทางน้ำเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและรองรับความต้องการของประชาชนในระยะยาว.