ททท.นครพนม ชวนสัมผัส “อีสานเขียว เที่ยวหน้าฝน” กลุ่มสนุก จัดเต็ม 5 เส้นทาง 4 เทศกาล ชู “ไหลเรือไฟสู่เรือไฟโลก” ครั้งแรก

นครพนม – ททท.สำนักงานนครพนม เตรียมกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนในพื้นที่ "กลุ่มจังหวัดสนุก" (นครพนม มุกดาหาร สกลนคร) ด้วยแคมเปญ "อีสานเขียว เที่ยวหน้าฝน" ชูความงามธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมหลากหลาย พร้อมไฮไลต์ 4 งานเทศกาลใหญ่ รวมถึงงานประเพณี "ไหลเรือไฟสู่เรือไฟโลก" ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรก

นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม เปิดเผยว่า ได้วางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงรุกสำหรับ "กลุ่มจังหวัดสนุก" ในช่วงฤดูท่องเที่ยวระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2568 ภายใต้โครงการ "อีสานเขียว เที่ยวหน้าฝน" เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เขียวขจี วัฒนธรรมท้องถิ่นที่งดงาม และกิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

5 เส้นทางท่องเที่ยวไฮไลต์ "อีสานเขียว เที่ยวหน้าฝน":

  • เส้นทางที่ 1: เที่ยวธรรมชาติ "ถ้ำนาคี" ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บ้านแพง จ.นครพนม สัมผัสความสวยงามของ "น้ำตกตาดโพธิ์" ระหว่างทาง และชมปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา "Sun Crack" บนผิวหินที่ถ้ำนาคี ซึ่งมีลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาค พร้อมสักการะพญานาคทั้ง 9 เศียร
  • เส้นทางที่ 2: ศรัทธาและวัฒนธรรมริมฝั่งโขง ไหว้พระธาตุ 8 พระธาตุประจำวันเกิด โดยมี "วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร" เป็นศูนย์รวมจิตใจ และสักการะ "พญาศรีสัตตนาคราช" แลนด์มาร์คสำคัญริมโขง ที่งดงามท่ามกลางบรรยากาศสายฝนและแม่น้ำโขงที่เต็มเปี่ยม สามารถเดินเที่ยว "ถนนคนเดิน" ได้ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ บริเวณใกล้เคียง
  • เส้นทางที่ 3: ล่องเรือชมวิวแม่น้ำโขง สัมผัสความสวยงามของแม่น้ำโขงยามพระอาทิตย์ตกดินหลังฝน โดยเทศบาลเมืองนครพนมมีบริการล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมง ในราคา 50 บาทต่อคน พร้อมกิจกรรมเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือนั่งพักผ่อนริมฝั่งโขง
  • เส้นทางที่ 4: ท่องเที่ยวเชื่อมโยงริมฝั่งโขงหน้าฝน 3 จังหวัด (หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม-มุกดาหาร) สัมผัสอัตลักษณ์ที่ชัดเจนของแต่ละพื้นที่ ทั้งความเชื่อ ความสงบ อาหาร และการแต่งกาย
  • เส้นทางที่ 5: สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) จุดชมวิวที่อุดมสมบูรณ์ในหน้าฝน เหมาะแก่การเช็คอิน ถ่ายรูป วิ่ง หรือปั่นจักรยานชมวิวสองฝั่งโขง

นอกจากนี้ ททท. ยังได้วางตำแหน่งให้นครพนมเป็น "ศูนย์กลางการท่องเที่ยวสามที่สุดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง" ที่เป็น "เมืองแห่งความสุขและการเรียนรู้" โดยมีจุดขาย "5 Must Do" ได้แก่ Must SEEK/SEE (เชิงวัฒนธรรม ศาสนา ประวัติศาสตร์ นิเวศน์), Must TASTE (อาหาร), Must BUY (สินค้าท้องถิ่น), และ Must TRY (กิจกรรม) เพื่อสร้างประสบการณ์และกระจายรายได้สู่ชุมชน

ไฮไลต์งานประเพณีช่วงครึ่งปีหลัง (พ.ค.-ส.ค. 2568):

มี 4 งานใหญ่ ได้แก่ บุญออกพรรษา, วิ่งข้ามโขง, ไหว้พระธาตุประจำวันเกิด, และนครพนม วินเทอร์ เฟสติวัล
โดยเฉพาะงานประเพณี "ไหลเรือไฟสู่เรือไฟโลก" ครั้งแรก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมติ ครม. สัญจร จะเป็นแรงส่งสำคัญในการสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 4 ประเทศ และผลักดันให้ประเพณีไหลเรือไฟของนครพนมเป็นที่รู้จักในระดับสากล

นครพนมยังเดินหน้าโปรโมท "เสน่ห์ไทย : ซอฟท์ พาวเวอร์" ผ่านแนวคิด "เมืองนครแห่ง 7 สาย" ประกอบด้วย สายน้ำ (ริมโขง), สายสัมพันธ์ (สะพานมิตรภาพ, บ้านลุงโฮจิมินท์), สายศรัทธา (พระธาตุพนม เสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก), สายมู (พญาศรีสัตตนาคราช, ถ้ำนาคี), สายวัฒนธรรม (9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ), สายพักผ่อน (เมืองบรรยากาศดี), และ สายดึกดำบรรพ์ (แหล่งไดโนเสาร์ในอดีต)

สำหรับปี 2568 ททท.นครพนม มุ่งเจาะตลาด 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ คนรุ่นใหม่วัยทำงาน (Gen Y), ผู้สูงวัย, สายรักกีฬา (Sport Lover), และกลุ่มครอบครัว โดยชูการท่องเที่ยวที่โดดเด่นด้าน "วัฒนธรรมและธรรมชาติ" และไฮไลต์ 5 แห่ง ได้แก่ พระธาตุพนม, พญาศรีสัตตนาคราช, วัดนักบุญอันนา หนองแสง, อุทยานแห่งชาติภูลังกา, และถนนสุนทรวิจิตร

ด้วยศักยภาพของนครพนมที่มีสนามบิน เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เช่น โครงการรถไฟทางคู่ "สายบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม" และศูนย์ซ่อมอากาศยาน จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการเดินทาง การค้า และการท่องเที่ยวใน "กลุ่มจังหวัดสนุก" ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *