พระนครศรีอยุธยา – ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน กรณีคลิปเสียงอ้างเป็น ‘สารวัตร’ โทรศัพท์เรียกรับเงินรายเดือนจากผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และหากผลสอบพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเด็ดขาด ไม่มีละเว้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ

จากกรณีที่ปรากฏคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์และสื่อต่างๆ ระหว่างชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็น ‘สารวัตร’ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พูดคุยเจรจากับผู้จัดการร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชื่อร้าน ‘ชอบเจริญ’ โดยเนื้อหาการสนทนา เป็นการขอเรียกรับเงินรายเดือนจำนวน 1,000 บาท พร้อมทั้งเสนอค่าใช้จ่ายสำหรับตู้แดงอีก 500 บาท แลกกับการไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานรัฐเข้ามาทำการตรวจสอบ หรือรบกวนการประกอบธุรกิจของร้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในบทสนทนาดังกล่าว มีการกล่าวอ้างถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง และมีการพาดพิงถึงชื่อหน่วยงานต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลายหน่วยงาน สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ ร้านอาหารดังกล่าวได้เคยตกเป็นข่าวว่าถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มงวดผิดปกติ หลังจากปฏิเสธการเสนอขอรับเงินบางอย่างไป (อ้างอิงจากข่าว: ร้านอาหารเซ็ง โดนตำรวจโทรขอรายเดือนแลกกับความสงบ พอปฏิเสธกลับถูกลงตรวจถี่ยิบ)

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า หลังจากที่ท่านได้รับรายงานเรื่องนี้ และได้รับแจ้งความร้องทุกข์อย่างเป็นทางการจากเจ้าของร้านอาหาร ‘ชอบเจริญ’ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันเดียวกันกับที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ท่านได้มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ทันทีอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ได้แสดงคำสั่งอย่างเป็นทางการของตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นคำสั่งที่ได้มีการลงนามให้แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อพิจารณาในกรณีของ พ.ต.ท.สาริก ไชยวุฒิ สารวัตรป้องกันปราบปราม (สวป.) ของสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นนายตำรวจที่ถูกระบุชื่อและถูกพาดพิงถึงในคลิปเสียงการสนทนาที่กำลังเป็นประเด็นอยู่

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กล่าวย้ำและยืนยันถึงจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ว่า หากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ พบว่ามีการกระทำความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นการเรียกรับผลประโยชน์ หรือการกระทำอื่นใดที่เข้าข่ายความผิดวินัยหรือกฎหมาย ท่านจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนของการดำเนินการทางวินัยตามข้อบังคับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ และเพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ การตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้ ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะในประเด็นการเรียกรับผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องมีการดำเนินการอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว เพื่อให้ความจริงปรากฏโดยเร็วที่สุด