“ทวี” ขู่ฟันผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ขัดขวางสอบ “ฮั้ว สว.” ย้ำ จนท.ดีเอสไอลงพื้นที่ หลังพยานถูก “ผู้มีอิทธิพล” ข่มขู่

ทำเนียบรัฐบาล – เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ทำหนังสือร้องเรียนต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ข่มขู่อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อให้ยอมรับว่ามีการฮั้วการเลือก สว. เกิดขึ้น

พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วว่า พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบที่จังหวัดอำนาจเจริญ และได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก ซึ่งพยานเหล่านั้นให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

สำหรับหนังสือของผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะตามหลักการสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจตาม มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งระบุว่า หากเป็นคดีพิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนด้วย และหากได้รับการประสานงานจากดีเอสไอ จะต้องให้ความร่วมมือ หากไม่ให้ความร่วมมือ จะมีโทษที่เกี่ยวข้อง จำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี

พ.ต.อ.ทวี กล่าวเน้นย้ำว่า ได้กำชับให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษใช้กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องดำเนินการได้ทันที หากพบว่ามีการขัดขวางการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องจากในพื้นที่อำนาจเจริญมีพยานที่เกี่ยวข้องกว่า 300 ปาก แต่ไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมด เพราะได้หลักฐานที่เป็นพยานวัตถุ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ รวมถึงร่องรอยการติดต่อทางโทรศัพท์แล้ว

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งว่ามีการข่มขู่พยาน พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า ตนยังไม่เคยได้รับรายงานเรื่องการข่มขู่จากผู้ว่าราชการจังหวัด และหากผู้ว่าฯ พบข้อมูลการข่มขู่จริง ขอให้รายงานมาที่ตน ที่สำคัญคือ พนักงานสอบสวนของดีเอสไอได้ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญตามคำเรียกร้องของพยานเองที่ถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และต้องการให้ดีเอสไอไปสอบปากคำ เนื่องจากไม่มีเงินเดินทางมาที่กรุงเทพมหานคร ไม่ใช่การข่มขู่โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตามที่กล่าวอ้าง และเจ้าหน้าที่ 3 คนที่ลงพื้นที่ก็เป็นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจริง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวยืนยันว่า ขั้นตอนการดำเนินคดีฮั้วการเลือก สว. ยังอยู่ในกระบวนการของพนักงานสอบสวน ตนไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ แต่ยืนยันว่าการสอบสวนเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องการเมืองระหว่างพรรคการเมืองใดๆ และไม่มีบุคคลใดมีอิทธิพลเหนือกฎหมาย

สำหรับความคืบหน้าในการแจ้งข้อกล่าวหาผู้สมัคร สว. 138 ราย และ สว. สำรองอีก 2 รายนั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งกำลังทำงานอย่างหนัก โดยให้คำนึงถึงความสนใจของประชาชน และขอให้ทุกขั้นตอนมีพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เส้นทางการเงิน และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ประกอบอย่างชัดเจน ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ หลังครบกำหนด 2 เดือนแล้ว ยังไม่สามารถยืนยันได้ ต้องรอหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งอาจจะทยอยออก หรือออกทั้งหมดในคราวเดียว ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน

พ.ต.อ.ทวี ทิ้งท้ายว่า การสอบสวนจะดำเนินการกับทุกคนที่เกี่ยวข้องตามพยานหลักฐาน ไม่มีละเว้น ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลใดก็ตาม หากพบว่ามีการกระทำความผิด.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *