ทำเนียบรัฐบาล, 6 พฤษภาคม 2568 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการได้พบปะกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มาร่วมงานที่ทำเนียบรัฐบาล ว่ารู้สึกดีใจที่ได้พบ ไม่ได้เจอกันประมาณ 2-3 เดือนแล้ว

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรารภถึงสถานการณ์ทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ท่านได้แต่ถามสารทุกข์สุขดิบ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง งานหนักหรือไม่ และให้กำลังใจเสมอ เวลาเจอกัน พล.อ.ประยุทธ์ ก็มักจะตบไหล่ให้กำลังใจในการทำงานตลอด โดยฝากให้ช่วยนายกรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดินให้ดีที่สุด

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเอกสารของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่มีชื่อนายอนุทินเกี่ยวข้องกับเรื่องละเอียดอ่อน นายอนุทิน ตอบอย่างชัดเจนว่า การที่คนเป็นรัฐมนตรีเจอเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เจอเรื่องนี้ก็เจอเรื่องอื่น ต้องทำใจให้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

“ตรงไหนที่รู้สึกว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง เราก็ชี้แจงไป แต่จะให้ไม่โดนเลย ขาวจั๊วะ ไม่ให้ใครมาพาดพิงได้เลย อันนี้สงสัยคงต้องไปบวช” นายอนุทิน กล่าวติดตลก แต่แฝงความหมายว่าการถูกพาดพิงเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนประเด็นที่มีชื่อปรากฏในเอกสารของ กอ.รมน. นั้น นายอนุทินยืนยันว่า ได้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ไม่มีประเด็นอะไรค้างคา โดยได้พูดคุยกับ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ซึ่งรู้จักกันอยู่แล้ว รวมถึง พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. ก็ได้ออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว ซึ่งถือว่าจบเรื่อง และเชื่อว่าสื่อมวลชนก็ควรจะปิดเคสนี้ได้แล้ว เพราะตนเองไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในประเด็นที่ถูกกล่าวถึง อาจจะมีความผิดพลาดในการสื่อสารเล็กน้อยที่ก่อนหน้านี้เคยบอกให้ไปอ่านในเนื้อความเต็มๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด

นายอนุทินยังย้ำจุดยืนเดิมเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 ว่าตนเองไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข โดยกล่าวเสริมว่าบางครั้งคนอ่านก็อ่านแต่หัวข้อข่าว เหมือนอ่านหนังสือพิมพ์ที่อ่านแต่พาดหัวข่าว แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งก็เข้าใจได้ และเมื่อมีประเด็นสงสัย ก็ได้ออกมาแก้ไขความเข้าใจผิด

เมื่อถูกถามถึงข้อเสนอให้ยกเลิก กอ.รมน. ซึ่งเป็นองค์กรที่เคยมีข้อถกเถียงถึงความจำเป็น นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า ตนเองก็เป็นรองประธาน กอ.รมน. อยู่ และเห็นว่าในการประชุมแต่ละครั้งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานจำนวนมาก