พีระพันธุ์ ไม่กังวล ป.ป.ช. จ่อสอบปมถือหุ้น-ถุงยังชีพ ยันยังไม่ได้รับหนังสือเรียกชี้แจง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมเรียกเข้าชี้แจงประเด็นการถือหุ้นในบริษัทเอกชน และการแจกถุงยังชีพที่มีสติกเกอร์รูปภาพของตนเองติดอยู่ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือเรียกชี้แจงอย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช. แต่อย่างใด
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามย้ำถึงความกังวลใจต่อเรื่องดังกล่าว ในระหว่างที่เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (6 พ.ค. 2568) นายพีระพันธุ์ ได้ตอบกลับมาอย่างสั้นๆ แต่ชัดเจนว่า “ไม่มี” ก่อนจะรีบปลีกตัวเดินขึ้นตึกบัญชาการไปทันที โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นนี้
สำหรับประเด็นการถูกตรวจสอบนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ก่อนหน้านี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบนายพีระพันธุ์ กรณีการถือหุ้นบริษัทเอกชน ซึ่งนายเรืองไกร มองว่าอาจเข้าข่ายการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะมาตราที่ห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกินร้อยละห้า
นายเรืองไกร ได้เรียกร้องให้ กกต. ดำเนินการสอบสวน และหากพบว่ามีมูลความจริง ให้เร่งเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวทำให้นายพีระพันธุ์ สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเป็นกลไกการตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ล่าสุด การที่มีกระแสข่าวว่า ป.ป.ช. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนและชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ เตรียมที่จะเข้ามาดำเนินการตรวจสอบในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายพีระพันธุ์ด้วยเช่นกัน โดยมีรายงานข่าวว่าอาจรวมถึงกรณีการแจกถุงยังชีพที่มีสติกเกอร์รูปภาพของตนเองติดอยู่ ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือทางการเมือง
ตามกฎหมายและหลักปฏิบัติของรัฐมนตรี มีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการถือหุ้นในบริษัทเอกชน เพื่อป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ขณะที่การดำเนินการใดๆ ที่อาจถูกมองว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้า หรือใช้ทรัพยากรจากตำแหน่งหน้าที่เพื่อสร้างความนิยมส่วนตัว ก็เป็นประเด็นที่สาธารณชนและองค์กรตรวจสอบให้ความสนใจ
อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ ยืนยันว่ายังไม่ได้รับหนังสือเรียกชี้แจงจาก ป.ป.ช. ซึ่งหมายความว่ากระบวนการอย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช. ในส่วนนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ ต้องรอติดตามการดำเนินการของ ป.ป.ช. ว่าจะมีหนังสือเรียกชี้แจงนายพีระพันธุ์อย่างเป็นทางการเมื่อใด และการสอบสวนจะครอบคลุมประเด็นใดบ้าง
ในขณะเดียวกัน คำร้องของนายเรืองไกรที่ยื่นต่อ กกต. ในประเด็นการถือหุ้น ก็ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. เช่นเดียวกัน สถานการณ์นี้เป็นที่จับตาของหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง