สุราษฎร์ธานี, 5 พฤษภาคม 2568 – สถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี สร้างมิติใหม่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ด้วยการนำเทคโนโลยีกล้อง AI สแกนใบหน้าตามโครงการ “เมืองสุราษฎร์ สมาร์ต ซิตี้ (Mueang Surat Smart City)” มาใช้เป็นแห่งแรกในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 5 ราย พร้อมทั้งตรวจพบบุคคลในกลุ่มเฝ้าระวังอีกจำนวนมาก

ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.พรณรงค์ การอรชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน โดยเปิดเผยว่า หลังจากการเปิดตัวและนำเทคโนโลยีกล้อง CCTV ระบบ AI สแกนใบหน้ามาใช้งานตามโครงการ “เมืองสุราษฎร์ สมาร์ต ซิตี้” ซึ่งนับเป็นพื้นที่แรกในตำรวจภูธรภาค 8 ที่ได้นำนวัตกรรมนี้มาใช้ในการตรวจจับและติดตามบุคคลตามหมายจับที่อยู่ในฐานข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.อ.พรณรงค์ กล่าวว่า การนำร่องใช้เทคโนโลยีนี้ได้ดำเนินการติดตั้งกล้องภายในงาน สุราษฎร์ฟู้ดแฟร์ เป็นระยะเวลา 9 วัน ซึ่งผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีตามหมายจับได้ถึง 5 ราย ซึ่งหมายจับดังกล่าวครอบคลุมคดีหลากหลายประเภท ได้แก่

• บุคคลตามหมายจับ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ข้อหา “เป็นทหารกองเกินไม่มาแสดงตนเพื่อรับหมายเรียกฯ“ (อายุความ 5 ปี)
• บุคคลตามหมายจับ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองฯ“ (อายุความ 15 ปี)
• บุคคลตามหมายจับ สภ.บางมะเดื่อ ข้อหา “กระทำอนาจารฯ เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และลักทรัพย์” (อายุความ 15 ปี หนีมาแล้ว 14 ปี)
• บุคคลตามหมายจับ สภ.เสวียด ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้มีอาชีพกสิกรรมฯ โดยใช้ยานพาหนะ” (อายุความ 15 ปี)
• บุคคลตามหมายจับ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ข้อหา “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง ในเวลากลางคืน“ (อายุความ 10 ปี)

นอกจากนี้ ระบบยังสามารถตรวจพบและช่วยยับยั้งบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังได้ถึง 47 ครั้ง ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มแก๊งที่เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาท 17 ครั้ง, บุคคลที่มีประวัติคดีอาญา 11 ครั้ง, บุคคลที่พ้นโทษ 17 ครั้ง, และบุคคลที่อยู่ระหว่างพักโทษ 2 ครั้ง การตรวจพบกลุ่มบุคคลเหล่านี้ในพื้นที่สาธารณะ ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบและป้องปรามมิให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้ทันท่วงที

ผู้กำกับการ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ย้ำว่า โครงการ “เมืองสุราษฎร์ สมาร์ต ซิตี้” มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อยับยั้งพฤติกรรมเชิงลบหรือพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ช่วยในการรักษาความสงบเรียบร้อย สร้างความอบอุ่นใจ และความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในเขตอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีนี้จะมีส่วนช่วยลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต