จี้รัฐบาลเร่งปราบ ‘สินค้าเกษตรเถื่อน’ ชายแดน ย้ำบทเรียน ‘เศรษฐา’ เคยทำราคาพุ่ง
ปัญหาราคาสินค้าภาคการเกษตร ทั้งพืชผลและเนื้อสัตว์ ที่มีสภาพขึ้นๆ ลงๆ เป็นระยะ ยังคงเป็นความท้าทายของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งผลักดันการเปิดตลาดและส่งออกเพื่อแก้ไขปัญหาทางหนึ่งแล้ว แต่ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ไม่อาจมองข้าม คือ ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะผ่านแนวชายแดนและช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่กดดันราคาสินค้าของเกษตรกรไทย
เมื่อย้อนกลับไปสมัยรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มีการระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร กรมศุลกากร และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสืบสวน จับกุม และปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง การสกัดกั้นสินค้าผิดกฎหมายเหล่านี้ได้อย่างจริงจัง ส่งผลดีโดยตรงต่อราคาสินค้าของเกษตรกรในประเทศ ทำให้ราคาขยับสูงขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัดเจน
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การปราบปรามอย่างหนักหน่วง ทั้งยางพาราเถื่อน ปาล์มเถื่อน รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆ ตลอดจนวัวควายเถื่อนและเนื้อสัตว์เถื่อนในช่วงเวลานั้น ได้ส่งผลให้ราคายางพาราและราคาปาล์มในตลาดปรับตัวดีขึ้นในทันที
ดังนั้น แม้รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมุ่งเน้นการเปิดตลาดต่างประเทศและผลักดันการส่งออก ซึ่งถือเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่ง แต่หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องหันมาให้ความสำคัญและดำเนินการสกัดกั้นสินค้าเถื่อนเหล่านี้ไปพร้อมๆ กันอย่างเข้มข้น
ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาราคามันสำปะหลังที่ตกต่ำมากในระยะนี้ ส่วนหนึ่งอาจมาจากปัจจัยเรื่องสินค้าข้ามแดนเข้ามาผสมผสานกับต้นทุนปุ๋ยที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ด้วยเหตุนี้ จึงถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพ ตำรวจภูธรภาค 2 ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจสอบสวนกลาง และกรมศุลกากร ต้องเร่งระดมกำลังและปฏิบัติการเชิงรุกอีกครั้ง โดยเฉพาะการเร่งสกัดจับสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดนสำคัญ ทั้งชายแดนภาคตะวันตกด้านจังหวัดกาญจนบุรีและระนอง รวมถึงชายแดนภาคตะวันออก ต้องกลับมาดำเนินการอย่างจริงจังอีกครั้งในช่วงเวลานี้
แหล่งข้อมูลที่สำคัญที่รัฐบาลมีอยู่แล้วและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ คือ ข้อมูลจากบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในพื้นที่ชายแดนซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ สส. ฟากรัฐบาล ในจังหวัดชายแดนทุกด้าน พร้อมที่จะร่วมมือและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ผู้นำรัฐบาลสามารถเรียกประชุม สส. ของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดชายแดนต่างๆ เช่น กาญจนบุรี เพื่อขอข้อมูลเชิงลึกและให้ช่วยชี้เป้าหมายในการปราบปรามได้
การเอาจริงเอาจังในการปราบปรามตามแนวชายแดน โดยใช้กำลังของทั้งทหารและตำรวจ ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อราคาสินค้าภาคการเกษตรเท่านั้น แต่ยังมีผลพวงเชิงบวกอื่นๆ อีกด้วย
ประการแรก คือ ช่วยในการสกัดกั้นยาเสพติด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลเพื่อไทยตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ลดน้อยลงหรือหมดสิ้นไปภายในปีนี้ และประการที่สอง ยังรวมถึงการป้องกันการลักลอบเผาป่า ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
นี่จึงเป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความร่วมมือและการระดมกำลังจากหลายหน่วยงาน การที่หน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ชายแดน ตำรวจภูธร ตำรวจสอบสวนกลาง และกรมศุลกากร ต้องจัดประชุมวางแผน แบ่งสายงาน และกระจายภารกิจร่วมกัน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การนำข้อมูลจาก สส. ในพื้นที่มาร่วมวางแผน ก็จะช่วยให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก สส. พร้อมจะร่วมแก้ปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านซึ่งเป็นฐานคะแนนเสียงของตนโดยตรง
ในภาวะที่การส่งออกยังคงเผชิญความยากลำบาก การดำเนินการสกัดกั้นสินค้าเถื่อน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรเถื่อน จึงยิ่งมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน เพื่อพยุงราคา ช่วยเหลือเกษตรกร และรักษาเสถียรภาพตลาดภายในประเทศ