ดีเอสไอเรียกผู้เชี่ยวชาญสอบปมตึก สตง.ถล่ม ชี้แก้สัญญา 9 ครั้งน่าสงสัย-เสา 2 ต้นคือจุดวิบัติสำคัญ

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินหน้าสอบสวนคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ถล่ม ล่าสุดเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างให้ข้อมูลเชิงลึก ตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นสำคัญ ทั้งการแก้ไขสัญญา 9 ครั้งที่น่าสงสัย โดยเฉพาะครั้งที่ 4 รวมถึงชี้จุดวิบัติสำคัญที่อาจเป็นสาเหตุหลักของการทรุดตัว คือบริเวณเสา 2 ต้น ด้านดีเอสไอเร่งตรวจสอบปมฮั้วประมูลและปลอมลายเซ็นวิศวกร เตรียมสรุปสำนวนคดีส่งอัยการเร็วๆ นี้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ที่กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายวิระ เรืองศรี ผู้จัดการบริษัท 3117 บิม เมเนจเมนท์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมงาน ออกแบบ และให้คำปรึกษาการก่อสร้าง ได้เข้าให้ข้อมูลและข้อสังเกตต่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับโครงสร้างและจุดวิบัติของอาคาร สตง. ที่ถล่มลงมา

นายวิระ เปิดเผยว่า ได้ให้ข้อสังเกตกับดีเอสไอใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เหตุผลและรายละเอียดการแก้ไขสัญญาจ้างก่อสร้าง จำนวน 9 ครั้ง 2. ข้อสังเกตเชิงวิศวกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างอาคาร และ 3. ที่มาของผู้ออกแบบ วิศวกร และผู้ควบคุมงาน

ปมแก้ไขสัญญา 9 ครั้ง: ครั้งที่ 4 คือหัวใจสำคัญ

นายวิระเน้นย้ำว่า ในบรรดาการแก้ไขสัญญา 9 ครั้งนั้น การแก้ไขแบบครั้งที่ 4 ถือเป็นสาระสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นการแก้ไขส่วน Core Lift (ผนังปล่องลิฟต์) ผนังรับแรงเฉือน และส่วนควบอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการแก้คานในอาคาร A ชั้น B1-3 ที่มีปัญหางานระบบเดินผ่านไม่ได้ การแก้ไขปล่องลิฟต์นี้มีผลกระทบตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงหลังคา ส่วนการแก้ไขครั้งอื่นๆ เช่น ลดเสาเข็ม (ครั้งที่ 1) เปลี่ยนฝ้าเพดาน (ครั้งที่ 2) หรือการแก้ไขงวดงาน ขยายสัญญา ปรับเป็นศูนย์ (ครั้งที่ 7, 8) ไม่ได้เกี่ยวกับการแก้ไขแบบโครงสร้างหลัก แต่เป็นการแก้ไขเรื่องตัวเลข มูลค่างาน หรือแผนงาน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขเหล่านี้อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมาสามารถเบิกงวดงานได้เร็วขึ้นหรือไม่ โดยยกตัวอย่างกรณีที่สัญญาเริ่มเมื่อ 30 พฤศจิกายน แต่มีการแก้ไขสัญญาครั้งที่ 1 หลังจากผ่านไปกว่า 501 วัน ซึ่งน่าตั้งคำถามว่าก่อนหน้านั้นมีการทำงานอะไรไปบ้าง

ข้อสังเกตเชิงวิศวกรรม: ทางเดิน ปล่องลิฟต์ และฐานราก

นายวิระยังตั้งข้อสังเกตถึงการแก้ไขขนาดทางเดินในอาคารบางจุดที่ขยายเกินกว่าที่กฎกระทรวงฯ กำหนดไว้ ซึ่งจุดที่ขยายเกินคือ 2.10 เมตร น่าสงสัยว่าทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อกฎหมายไม่บังคับ โดยพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นลิฟต์สำหรับผู้บริหาร ตกแต่งด้วยหินแกรนิตหรูหรา

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการล็อกสเป็กปล่องลิฟต์ของผู้ออกแบบ ทำให้ไม่สามารถลดขนาดผนังปล่องลิฟต์ได้ ทั้งที่หากลดลงข้างละ 5 ซม. ก็ยังสามารถติดตั้งลิฟต์ได้ตามปกติ ซึ่งเชื่อมโยงกับการระบุยี่ห้อ รุ่น หรือแบรนด์ลิฟต์ไว้ใน TOR

ในส่วนของฐานราก นายวิระกล่าวว่าจุดที่ทรุดตัวจุดแรกคือด้านหลังของอาคาร ซึ่งมีการแก้ไขฐานรากเพิ่มเติมจากแบบตามสัญญาให้ดีขึ้นโดยผู้รับเหมาเอง และยังตั้งข้อสังเกตความแตกต่างของแบบการเสริมเหล็กระหว่างอาคารจอดรถ 3 ชั้น (เสริมเหล็กหนาแน่น) กับอาคารหลัก 30 ชั้น (เสริมเหล็กเล็กกว่า) ซึ่งอาจเกิดจากผู้ออกแบบคนละคน ซึ่งพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง แต่ก็เป็นคนละตึกกัน อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาว่าการเสริมเหล็กอาคาร 30 ชั้นนั้นถูกต้องตามหลักการคำนวณหรือไม่

ชี้เสา 2 ต้นคือจุดวิบัติสำคัญ

นายวิระวิเคราะห์สาเหตุการถล่มจากการดูวิดีโอเหตุการณ์ เชื่อมโยงกับข้อสังเกตเชิงวิศวกรรม โดยระบุว่า อาคารเอียงและสไลด์ไปข้างหลัง ซึ่งสอดคล้องกับการที่ปล่องลิฟต์บริเวณดังกล่าวอาจมีความอ่อนแอ ทำให้ตัวอาคารไม่ทรุดตรงๆ แต่เอียงไป และจากการดูภาพในไซต์งาน พบว่ามีเสา 5 ต้นจากชั้น 19 หลุดออกมาเรียงตัวอยู่ในหลุมลิฟต์อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าอาคารมีการสไลด์ไปด้านหลัง ทำให้เสาชุดนี้ขาดออกจากกันและไหลลงมาตรงๆ เพราะปล่องลิฟต์โล่ง นายวิระจึงเชื่อว่า เสา 2 ต้นในบริเวณนั้น อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการวิบัติของตัวอาคาร

ดีเอสไอเร่งสอบปมฮั้วประมูล-ปลอมลายเซ็นวิศวกร

ด้านคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้เร่งสอบสวนขยายผลคดีนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งประเด็นนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ และกระบวนการจัดหาคู่สัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาจ้างก่อสร้าง (กิจการร่วมค้า อิตาเลียนไทยฯ – ไชน่า เรลเวย์ฯ), สัญญาออกแบบ (กิจการร่วมค้า ไมนฮาร์ทฯ – ฟอ-รัม อาร์คิเทคฯ) และสัญญาควบคุมงาน (กิจการร่วมค้า PKW ประกอบด้วย พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ฯ, ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ฯ, เคพี คอนชัลแทนส์ฯ)

ประเด็นสำคัญที่กำลังตรวจสอบคือ การปลอมลายเซ็นวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ที่มีชื่อและลายเซ็นปรากฏในเอกสารควบคุมงานก่อสร้างตึก สตง. ทั้ง 38 ราย ซึ่งจากการสอบปากคำ พบว่า 30 รายถูกปลอมลายเซ็น มีเพียง 8 รายที่ยอมรับว่าเซ็นควบคุมงานจริง

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เตรียมเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนในวันอังคารที่ 6 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. เพื่อติดตามความคืบหน้า กำหนดกรอบเวลาสรุปสำนวนคดีส่งให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ ภายในระยะเวลาการฝากขังผู้ต้องหากลุ่มแรก (3 นอมินีไทย และนายชวนหลิง จาง) เพื่อให้อัยการมีเวลาตรวจสอบสำนวนก่อนส่งศาลอาญารัชดาภิเษก

การเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างและโครงสร้างอย่างนายวิระ เรืองศรี เข้ามาให้ข้อมูลในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการรวบรวมหลักฐานและข้อเท็จจริงเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ซึ่งดีเอสไอจะใช้ข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคำให้การพยานวิศวกร การลงพื้นที่เก็บหลักฐาน และข้อกฎหมายเกี่ยวกับความผิดในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาพิจารณาเพื่อสรุปสำนวนคดีโดยเร็วที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *