ลูกหนี้ กยศ. ถูกหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 ชี้แจงเหตุผล พร้อมทางออกปรับโครงสร้างหนี้ และผ่อนผันชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย. นี้

กองทุน กยศ. ชี้แจงกรณีการหักเงินเดือนผู้กู้ยืมเพิ่มอีก 3,000 บาท สำหรับผู้ที่มีหนี้ค้างชำระ ยืนยันดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมแนะทางออกให้ลูกหนี้ที่เดือดร้อนเร่งติดต่อขอปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์โดยเร็ว และเผยมาตรการผ่อนผันชั่วคราวให้นายจ้างลดการหักเงินเดือนได้ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนนี้ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านการดำรงชีพ

จากกรณีที่ลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวนหนึ่ง ได้รับการแจ้งเตือนและพบว่ามีการหักเงินเดือนเพิ่มเติมนอกเหนือจากยอดปกติอีก 3,000 บาทต่อบัญชี ทำให้เกิดความสงสัยและความกังวลนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้ออกมาเปิดเผยและชี้แจงถึงที่มาและแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้

ดร.นันทวัน ระบุว่า การหักเงินเดือนเพิ่มเติมจำนวน 3,000 บาทนั้น เป็นผลมาจากการที่ กยศ. ได้ติดตามทวงถามหนี้ค้างชำระไปยังผู้กู้ยืมทุกคนที่มียอดค้าง รวมถึงกลุ่มผู้ที่ถูกหักเงินเดือนอยู่แล้ว โดยขอให้ชำระยอดค้างส่วนนี้ด้วยตนเอง แต่เนื่องจากผู้กู้ยืมบางส่วนยังคงเพิกเฉยและไม่ได้ดำเนินการชำระยอดที่ค้างไว้ กยศ. จึงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการตามกฎหมายโดยการเพิ่มวงเงินหักรายเดือนผ่านระบบการหักเงินเดือนของนายจ้างอีก 3,000 บาทต่อบัญชี ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 แล้ว และได้มีการแจ้งให้ทั้งผู้กู้ยืมและนายจ้างรับทราบล่วงหน้าแล้ว

สำหรับผู้กู้ยืมที่พบว่าไม่สามารถให้หักเงินเดือนในอัตราที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ หรือได้รับผลกระทบด้านการเงินอย่างรุนแรง กยศ. ขอแนะนำให้เร่งติดต่อขอทำ "สัญญาปรับโครงสร้างหนี้" ผ่านช่องทางออนไลน์ของ กยศ. การทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ จะช่วยให้ผู้กู้ยืมสามารถเริ่มต้นการผ่อนชำระใหม่ในอัตราที่ลดลง และเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระได้อย่างยั่งยืน

ปัจจุบันมีผู้กู้ยืมเงิน กยศ. ได้เข้ามาทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้วกว่า 200,000 ราย ซึ่งการดำเนินการนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้กู้ยืมอีกจำนวนหนึ่งที่ยังคงมียอดค้างชำระและยังไม่ได้ติดต่อขอเข้ามาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งกลุ่มนี้เองที่ กยศ. ยังคงจำเป็นต้องแจ้งให้นายจ้างหักเงินเดือนเพิ่มอีก 3,000 บาทต่อบัญชีในเดือนพฤษภาคม และจะต่อเนื่องไปในเดือนมิถุนายนและเดือนถัดๆ ไป จนกว่ายอดหนี้ค้างชำระจะหมดไป หรือจนกว่าผู้กู้ยืมจะเข้ามาทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้

ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อน กยศ. จึงขอเน้นย้ำให้ผู้กู้ยืมที่ยังมียอดค้างชำระและยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้เร่งดำเนินการอย่างน้อย 2 ทางเลือก คือ:

  1. ชำระยอดหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมด: เพื่อให้ยอดค้างเป็นศูนย์ และการหักเงินเดือนเพิ่มเติมจะหยุดลง
  2. ติดต่อขอทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ออนไลน์โดยเร็ว: โดย กยศ. ได้กำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระของงวดปี 2568 การทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยให้ยอดหนี้ค้างถูกนำมารวมและคำนวณยอดผ่อนชำระรายเดือนใหม่ในอัตราที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระของผู้กู้ยืม

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ได้รับผลกระทบด้านการดำรงชีพในช่วงระยะเวลาที่กำลังรอการพิจารณาหรือดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. ได้มีการเพิ่มเงื่อนไขเป็นการชั่วคราว โดยอนุญาตให้นายจ้างสามารถปรับลดจำนวนเงินที่หักและนำส่งเงินของลูกหนี้ กยศ. ที่ได้รับผลกระทบนี้ได้ เฉพาะในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2568 ซึ่งมาตรการนี้จะเป็นการผ่อนผันชั่วคราวก่อนที่การหักเงินจะเป็นไปตามปกติ หรือตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ทำขึ้นใหม่

ผู้กู้ยืมที่ได้รับผลกระทบ ควรปรึกษาและหารือกับนายจ้างของตนเองเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลดหย่อนการหักเงินเดือนตามมาตรการชั่วคราวนี้ พร้อมทั้งเร่งดำเนินการในส่วนของการขอปรับโครงสร้างหนี้กับ กยศ. ผ่านระบบออนไลน์ให้แล้วเสร็จภายในกำหนด เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระอย่างถาวร และหลีกเลี่ยงการถูกหักเงินเดือนในอัตราที่สูงขึ้นในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *