วิสุทธิ์ เพื่อไทย ลั่นงบฯ สภา “หมื่นล้าน” ถ้าไม่จำเป็นต้องตัด! ย้ำต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนต้องได้ประโยชน์
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่กำลังจะมาถึง โดยระบุว่า การจัดสรรเวลาในการอภิปรายน่าจะเป็นไปในรูปแบบเดิม คือ แบ่งเวลาให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลฝ่ายละ 20 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุมอีก 1 ชั่วโมง คาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาเบื้องต้นภายใน 3 วัน เช่นเดียวกับการพิจารณางบประมาณที่ผ่านมา
นายวิสุทธิ์ ชี้แจงว่า การพิจารณางบประมาณครั้งนี้ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น สส. ทุกฝ่ายจึงสามารถร่วมอภิปรายได้อย่างเต็มที่ สำหรับขั้นตอนหลังจากที่ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ได้ถูกนำส่งมายังสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะเร่งดำเนินการส่งไฟล์ข้อมูลให้กับ สส. ทุกท่านเพื่อศึกษาเป็นการล่วงหน้าก่อนที่จะมีการหารือร่วมกับวิปฝ่ายค้านต่อไป
ประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในการประชุม สส. ของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ คือเรื่องของการพิจารณาตัดงบประมาณส่วนที่ไม่จำเป็น นายวิสุทธิ์ ยืนยันว่า จะต้องมีการตรวจสอบดูว่าโครงการหรืองบประมาณส่วนใดที่รัฐบาลเสนอมานั้น ไม่จำเป็น หรือไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
เมื่อถูกถามถึงกรณีที่พรรคประชาชน (ปชน.) มีความเคลื่อนไหวในการเตรียมตัดงบประมาณสำหรับการปรับปรุงอาคารรัฐสภา ซึ่งมีกระแสข่าวว่างบประมาณสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท นายวิสุทธิ์ กล่าวเน้นย้ำถึงหลักการว่า อะไรที่จำเป็นก็ต้องทำ แต่อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ อะไรก็ตามที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนได้ ควรได้รับการพิจารณาเป็นอันดับแรก
ประธานวิปรัฐบาลเน้นย้ำว่า ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของฝ่ายค้านเท่านั้นที่จะต้องตรวจสอบและพิจารณาตัดงบประมาณ แต่ฝ่ายรัฐบาลเองก็ต้องร่วมมือกันตรวจสอบด้วยเช่นกัน โครงการหรืองบประมาณใดที่หน่วยงานต่างๆ เสนอมาแล้วเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ หรือไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ก็ต้องช่วยกันตัดออก เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ในงบประมาณแผ่นดินนั้นคือเงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชน ซึ่งควรจะตกถึงมือและสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนโดยตรง ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว
นอกจากการเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณแล้ว การประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 13 พฤษภาคม ยังเป็นโอกาสให้ สส. ที่ลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ได้นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ มาร่วมสะท้อนและหารือกัน เพื่อนำเสนอต่อฝ่ายบริหารให้รับทราบและหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายวิสุทธิ์ ยืนยันว่า ในการประชุม สส. ครั้งนี้ จะไม่มีการหารือในประเด็นเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นอำนาจโดยตรงของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว และ สส. ในพรรคไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้