รมว.พาณิชย์ ‘พิชัย’ ถก ‘Seagate’ ยักษ์ไอที รับมือภาษีสหรัฐฯ ย้ำไทยยังเป็นฐานผลิตสำคัญ
กรุงเทพฯ – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือกับนายแคช แมคเครคเคน รองประธานฝ่ายกิจการภาครัฐ บริษัท Seagate ผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลดิจิทัล เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก แนวทางการเจรจามาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบ และกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนสหรัฐฯ
นายพิชัยได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มมาตรการภาษีตอบโต้ หรือ reciprocal tariffs ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทย และเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานให้แก่บริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยได้เน้นย้ำให้ Seagate ซึ่งเป็นนักลงทุนรายสำคัญในไทย ช่วยสะท้อนข้อห่วงใยดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ เพื่อรักษาบรรยากาศการค้าการลงทุนที่เป็นมิตรและสร้างสรรค์ต่อทุกฝ่าย
ด้านผู้บริหาร Seagate ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทีมเจรจาการค้าของไทย โดยได้ชี้แจงแนวทางและกลยุทธ์ในการเจรจาทำความเข้าใจกับหน่วยงานสำคัญต่างๆ ของสหรัฐฯ อาทิ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแนวทางให้ไทยสามารถเตรียมความพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ภาษีที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รัฐมนตรีพิชัย ยังได้ใช้โอกาสนี้ในการตอกย้ำถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญและเป็นหัวใจของอุตสาหกรรมคลาวด์ (Cloud) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลก ซึ่งกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายพิชัยกล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ระบบพลังงานที่มั่นคง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงและมีความชำนาญ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งต้องพึ่งพา HDD เป็นวัตถุดิบหลัก และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในยุคดิจิทัล
ในส่วนของผู้บริหาร Seagate ได้แสดงความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ต่อศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิต HDD ระดับภูมิภาค ผู้บริหารชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีแนวคิดเรื่องการย้ายฐานการผลิตกลับไปยังสหรัฐฯ หรือ reshoring แต่ในความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และปัจจัยการผลิตในปัจจุบัน
เหตุผลสำคัญที่ Seagate ยังคงเลือกและเชื่อมั่นในประเทศไทย คือการที่ไทยมีระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่ครบวงจร มีห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพสูง และที่สำคัญที่สุดคือ แรงงานไทยมีความชำนาญ มีฝีมือดี มีความสามารถสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและเอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของบริษัท
ทั้งนี้ Seagate ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1979 มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศไอร์แลนด์ และมีเครือข่ายการดำเนินงานทั่วโลก สำหรับประเทศไทย Seagate ได้เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 35 ปี และมีฐานการผลิตหลักที่จังหวัดนครราชสีมาและสมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัททั่วโลก และมีการจ้างงานคนไทยเป็นจำนวนหลายหมื่นคน ถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทยและห่วงโซ่อุปทานระดับโลกของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี.