สลด ฉะเชิงเทรา: หนุ่ม 19 เมาหนัก ซิ่ง จยย.ป้ายแดงชนป้ายดับ แม่ร่ำไห้ เผยเหตุสลดซ้ำรอยพ่อ 19 ปีก่อน
ฉะเชิงเทรา – เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ร้อยตำรวจตรี สิทธิศักดิ์ บัวธรา สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนป้ายเหล็ก มีผู้เสียชีวิต บริเวณริมถนนศรีโสธรตัดใหม่ หน้าคลินิกแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงเร่งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลพุทธโสธร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา
ที่เกิดเหตุบริเวณริมฟุตปาธ พบร่องรอยของการเฉี่ยวชนปีนขึ้นไปบนฟุตปาธ และมีเศษกองขยะที่กระจัดกระจายเต็มพื้นถนน ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุวิจักรข์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ในสภาพนอนหงายอยู่ สวมใส่หมวกนิรภัย และมีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก ใกล้กันพบป้ายเหล็กขนาดใหญ่ระบุชื่อร้าน ซึ่งมีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนอย่างแรงจนแผ่นป้ายหลุดออกจากโครง บริเวณบนพื้นถนน พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง ซึ่งเป็นรถป้ายแดง ทะเบียน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา สภาพด้านหน้าพังยุบอย่างรุนแรง ชิ้นส่วนรถแตกหักกระจัดกระจายเกลื่อนถนน
จากการสอบถาม นางสาวฟิลม์ อายุ 19 ปี เพื่อนสาว LGBTQ+ ของผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน เปิดเผยด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดว่า ก่อนเกิดเหตุ ตน ผู้ตาย และกลุ่มเพื่อนรวม 6 คน ได้ไปนั่งดื่มกินและฟังเพลงที่ร้านแห่งหนึ่ง โดยในคืนนี้ผู้ตายดื่มทั้งเหล้าและเบียร์เป็นจำนวนมาก จนมีอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ร้านจะปิด ตนได้ขึ้นไปนั่งเตรียมตัวขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถป้ายแดงที่ผู้ตายเพิ่งซื้อมาใหม่ เพื่อที่จะขี่พากลับบ้าน แต่ผู้ตายกลับบอกว่าตนเองยังไหว และยืนยันที่จะเป็นผู้ขับขี่รถกลับบ้านเอง
นางสาวฟิลม์ เล่าต่อว่า หลังจากนั้น ผู้ตายก็ขึ้นคร่อมรถและขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยพวกตนไม่สามารถตามทันได้ จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ตอนแรกยังไม่ทราบว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากมีรถกระบะตู้ทึบจอดบังอยู่ด้านหน้า เมื่อขี่เข้าไปใกล้จึงได้เห็นภาพอันน่าตกใจว่าผู้ตายได้ประสบอุบัติเหตุแล้ว โดยรถเสียหลักพุ่งชนเข้ากับกองขยะริมทาง ก่อนจะกระเด็นไปชนเข้ากับป้ายเหล็กขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้เสียชีวิตคาที่ ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งให้แม่ของผู้ตายทราบและเดินทางมายังจุดเกิดเหตุทันที
ทางด้านแม่ของผู้ตาย ซึ่งเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุด้วยใบหน้าโศกเศร้า เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนอยู่กับลูกชายเพียงลำพังสองคนแม่ลูกมาโดยตลอดเป็นเวลาถึง 19 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง เพราะเมื่อ 19 ปีก่อน ขณะที่ลูกชายเพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน สามีของตนซึ่งเป็นพ่อของลูกชาย ก็ได้ประสบอุบัติเหตุจากการขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิตในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้จึงนับเป็นความสูญเสียที่ซ้ำรอยอดีต
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบและบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดนครนายก เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะมอบร่างให้ทางญาติรับกลับไปดำเนินการตามพิธีทางศาสนาต่อไป เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจถึงอันตรายของการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา ซึ่งอาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ต่อตนเองและครอบครัว