อุบัติเหตุ ‘จังหวะเป๊ะ’ บนถนนเพลินจิต รถเก๋งชนรถเมล์ข้างป้าย ‘อดทนและไปให้ถึงจุดหมาย’ กลายเป็นไวรัล
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันบนถนนเพลินจิต กรุงเทพมหานคร แต่สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์รถเก๋งเฉี่ยวชนรถโดยสารประจำทางครั้งนี้กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว คือจังหวะที่ไปเกิดขึ้นบริเวณป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่มีข้อความสุดเสียดสีว่า ‘อดทนและไปให้ถึงจุดหมาย’ ทำให้ชาวเน็ตพร้อมใจกันเข้ามาแสดงความเห็นและแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเย็น บริเวณถนนเพลินจิต ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าแยกชิดลม โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่บริเวณช่องทางขวาของถนน จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีบรอนซ์เทา มีร่องรอยการเฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าหรือด้านข้าง (ตามภาพ) ส่วนคู่กรณีคือ รถโดยสารประจำทางสาย 13 ซึ่งมีร่องรอยการเฉี่ยวชนบริเวณด้านท้ายฝั่งขวาของตัวรถ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้การจราจรบนถนนเพลินจิตและพื้นที่ใกล้เคียงติดขัดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดำเนินการตรวจสอบสาเหตุของการเฉี่ยวชนครั้งนี้ ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม ภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุดังกล่าวถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ โดยมีต้นทางมาจากรายงานของเพจ JS100 Radio และผู้ใช้ Twitter (X) ชื่อบัญชี @darkside_begin ที่รายงานสภาพการจราจรพร้อมภาพประกอบ
สิ่งที่ทำให้ภาพนี้กลายเป็นไวรัลและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่ความรุนแรงของอุบัติเหตุ แต่เป็น ‘จังหวะ’ ของเหตุการณ์ที่ไปเกิดขึ้นบริเวณป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้อความเด่นชัดว่า “อดทนและไปให้ถึงจุดหมาย” ข้อความที่ปกติใช้สร้างแรงบันดาลใจ กลับกลายเป็นความเสียดสีและอารมณ์ขันในสถานการณ์ที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุเสียก่อนที่จะ ‘ไปถึงจุดหมาย’ และยังต้องเผชิญกับปัญหา ‘รถติด’ ที่ทดสอบความ ‘อดทน’
ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาแสดงความเห็นในเชิงขบขันและเสียดสีถึงความบังเอิญที่ลงตัวของเหตุการณ์และข้อความบนป้าย บางส่วนกล่าวว่า “จังหวะมันได้จริงๆ”, “ป้ายบอกให้ไปถึงจุดหมาย แต่ไปไม่ถึงเพราะชนซะก่อน”, “สงสัยจะอดทนไม่พอ”, “นี่คือบททดสอบความอดทนที่แท้จริง” แสดงให้เห็นถึงการมองเห็นอารมณ์ขันในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ในโลกโซเชียล ที่บางครั้งเรื่องราวทั่วไปหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน หากมีองค์ประกอบที่พิเศษหรือมีความบังเอิญที่น่าสนใจ ก็สามารถกลายเป็นกระแสและถูกพูดถึงในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการเคลื่อนย้ายรถคู่กรณีออกจากจุดเกิดเหตุ และสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุต่อไป