ริโอเดอจาเนโร, บราซิล – เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) ป๊อปสตาร์ระดับโลก ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในวงการดนตรี ด้วยการทุบสถิติโลกในฐานะศิลปินหญิงที่มีผู้ชมการแสดงสดมากที่สุดตลอดกาล หลังจากฟรีคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ของเธอเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ หาดโคปาคาบานา อันโด่งดัง ในเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล

คอนเสิร์ตสุดอลังการครั้งนี้ดึงดูดแฟนเพลงและผู้คนทั่วไปให้มารวมตัวกันอย่างหนาแน่นตลอดแนวชายหาด โดยทางการประเมินว่ามีผู้เข้าร่วมชมการแสดงสดมากกว่า 2.6 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวทำลายสถิติผู้ชมคอนเสิร์ตเดี่ยวของศิลปินหญิงทั่วโลก สร้างปรากฏการณ์ที่ยากจะลืมเลือนบนหาดทรายในตำนานแห่งนี้

เพื่อรองรับผู้ชมจำนวนมหาศาล ทางผู้จัดได้ติดตั้งหอคอยลำโพงกว่า 16 จุดกระจายไปทั่วบริเวณชายหาด เพื่อให้มั่นใจว่าแฟนเพลงทุกคนจะได้ยินเสียงเพลงอันทรงพลังของเลดี้ กาก้า อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ประกอบด้วยทหาร 3,300 นาย ตำรวจ 1,500 นาย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีก 400 นาย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงาน

การแสดงที่กินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงถือเป็นคอนเสิร์ตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาชีพของเลดี้ กาก้า และยังเป็นการกลับมาแสดงที่เมืองริโอฯ อีกครั้ง หลังจากยกเลิกการเข้าร่วมเทศกาลดนตรี Rock in Rio ในปี 2017 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ การกลับมาครั้งนี้จึงมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับแฟนๆ ชาวบราซิลที่รอคอยมายาวนาน

คอนเสิร์ตฟรีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของศาลาว่าการเมืองริโอเดอจาเนโร ในการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเวลาหลังเทศกาลสำคัญอย่างคาร์นิวัลและวันส่งท้ายปีเก่า โดยหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับเมือง

มีการคาดการณ์ว่า คอนเสิร์ตของเลดี้ กาก้า ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับเศรษฐกิจของเมืองริโอฯ ได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านเรอัลบราซิล หรือประมาณ 3,500 ล้านบาทไทย ซึ่งตอกย้ำถึงศักยภาพของกิจกรรมทางดนตรีขนาดใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ทางเมืองริโอฯ มีแผนที่จะจัดคอนเสิร์ตในลักษณะคล้ายกันนี้เป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคม อย่างน้อยจนถึงปี 2028 เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ความสำเร็จของคอนเสิร์ตเลดี้ กาก้า ที่หาดโคปาคาบานา ไม่เพียงแต่สร้างความสุขให้กับแฟนเพลงกว่าล้านคน แต่ยังเป็นการตอกย้ำสถานะซูเปอร์สตาร์ระดับโลกของเธอ และแสดงให้เห็นถึงพลังของดนตรีที่สามารถรวมผู้คนจำนวนมหาศาลไว้ด้วยกันได้