นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ยืนยัน รัฐบาลเตรียมแผนรับมือการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกาอย่างรอบด้าน ทั้งการเกษตร อุตสาหกรรม และการเจรจาต่อรองแบบ ‘วิน-วิน’ ชี้แจงการคุย ‘ดีลลับ’ เป็นเรื่องปกติและจำเป็นในการเจรจาระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ ย้ำ! ในกระเป๋ามีแนวทางพร้อมเพียบ ขอให้ประชาชนสบายใจได้

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 08.00 น. ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ถึงประเด็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งท่านนายกฯ ชี้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีแพทองธารยืนยันว่า รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรึกษาหารือกับทีมคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ โดยมีการตั้งกลุ่มทำงานที่ดูแลเรื่องสหรัฐฯ เสร็จสิ้นก่อนเดือนมกราคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเข้ารับตำแหน่ง

การเตรียมความพร้อมครอบคลุมทั้งภาคส่วนการเกษตรและอุตสาหกรรม มีการพิจารณาถึงสินค้าที่เราส่งออกและนำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึงอัตราภาษีที่ทั้งสองฝ่ายเรียกเก็บ และกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยได้ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาถึงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ของไทยที่บางรายการอาจสูงกว่าที่เก็บจากประเทศอื่น ซึ่งท่านนายกฯ มองว่าเมื่อเราไม่ได้มีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) สินค้าบางอย่างอาจมีราคาสูงเกินไปและขาดมาตรฐาน จึงมีการหารือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องว่าสามารถปรับเปลี่ยนอัตราภาษีบางรายการได้หรือไม่

นอกจากการหารือภายในประเทศแล้ว นายกรัฐมนตรียังได้พูดคุยกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อร่วมกันหาแนวทาง และที่สำคัญคือได้มีการพูดคุยกับตัวแทนการค้าของสหรัฐอเมริกาโดยตรง เพื่อรับฟังความต้องการของสหรัฐฯ จากประเทศไทย โดยรัฐบาลพยายามปรับรูปแบบการเจรจาต่อรองให้เป็นแบบ “วิน-วิน” ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย

สำหรับประเด็นที่บางครั้งไม่สามารถให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยได้อย่างชัดเจน นายกรัฐมนตรีขอทำความเข้าใจกับประชาชนว่า นี่คือลักษณะของการเจรจาในเชิงลึก หรือที่บางคนเรียกว่า “ดีลลับ” ซึ่งเป็นการพูดคุยในรายละเอียดเพื่อหาความยืดหยุ่นและแนวทางที่ดีที่สุด การเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดในระหว่างการเจรจาจะทำให้ประเทศอื่น ๆ ทราบข้อมูล และอาจนำไปสู่การเปรียบเทียบหรือความวุ่นวายได้ เนื่องจากสหรัฐฯ มีการเจรจากับหลายประเทศทั่วโลก

น.ส.แพทองธารกล่าวย้ำว่า การมี “ดีลลับ” หรือการเจรจาที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในทันที เป็นเรื่องปกติและถือเป็นมารยาทในการเจรจาระหว่างประเทศ เป็นการให้เกียรติทุกฝ่ายเพื่อให้การต่อรองเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ อนาคตไทยมีอะไรที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกับสหรัฐฯ ได้บ้าง ถือเป็นสิ่งสำคัญ

ท่านนายกฯ ชี้ว่า ความรวดเร็วไม่ใช่ตัวกำหนดความสำเร็จของการเจรจา แต่ต้องเน้นความแม่นยำและการอยู่ในกรอบเวลาที่เหมาะสม ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าไม่ได้หลุดออกจากกรอบเวลาแน่นอน การเปลี่ยนแปลงเรื่องภาษีของสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ มีเกิดขึ้นอยู่เสมอ

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในตอนท้ายว่า “ฉะนั้นเรารอดูอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในกระเป๋าเราตุนไว้มากมายแล้ว ขอให้สบายใจเรื่องนี้” พร้อมระบุว่า การเจรจาแบบไม่เป็นทางการมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยขาดหายไป และได้อัปเดตข้อมูลกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง อยู่สม่ำเสมอ ขอให้ประชาชนสบายใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมอย่างหนักแน่น เพื่อให้สามารถเจรจาต่อรองได้อย่างดีที่สุดในวันที่เหมาะสม