ลงตัว! ผอ.รพ. จ่าย 5.3 แสนบาท เยียวยา 2 ช่างภาพ เมาขับชน ฝากสื่อฯ ‘ยังต้องสู้อีกนาน’
ชัยภูมิ – ความคืบหน้ากรณีผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ก่อเหตุขับรถยนต์ส่วนตัวพุ่งชนช่างภาพและผู้ช่วยช่างภาพของสำนักข่าวแห่งหนึ่งขณะมึนเมาสุรา ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เหตุการณ์ดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยครั้งสำคัญที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ.
นายแพทย์พุทธา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล พร้อมด้วยทนายความและตัวแทน ได้เดินทางมาเพื่อเจรจาและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกับผู้เสียหายทั้ง 2 ราย คือ นายเอส อายุ 33 ปี ผู้ช่วยช่างภาพ และนายทศวรรษ อายุ 35 ปี ช่างภาพ ซึ่งนับเป็นการเจรจารอบที่สาม โดยมี พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ อุดมพรวรชัย รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ร่วมเป็นพยาน.
หลังจากการเจรจาที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้แสดงความยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายทั้งสองฝ่าย โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- นายเอส (ผู้ช่วยช่างภาพ): จากใบรับรองแพทย์ระบุว่ามีอาการสลบและจำเหตุการณ์ไม่ได้ ผลวินิจฉัยโรคคือสมองได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ ได้รับการเยียวยาเป็นจำนวนเงิน 280,000 บาท.
- นายทศวรรษ (ช่างภาพ): จากใบรับรองแพทย์ระบุว่ามีอาการแผลถลอกบริเวณเอวซ้าย เข่าซ้าย และเข่าขวา ผลวินิจฉัยโรคคือกล้ามเนื้ออักเสบจากอุบัติเหตุรถชน ได้รับการเยียวยาเป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท.
รวมค่าสินไหมทดแทนที่จ่ายให้กับผู้เสียหายทั้งสองรายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 530,000 บาท.
ด้านนายแพทย์พุทธา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เปิดเผยภายหลังการเจรจาว่า วันนี้ได้เดินทางมาเจรจาและจ่ายค่าเยียวยาให้กับผู้เสียหายทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้แต่ละฝ่ายก็จะดำเนินการในส่วนอื่น ๆ ต่อไป ในส่วนของตนเองยอมรับว่ายังต้องต่อสู้กับคดีความอีกหลายอย่าง ซึ่งยังคงต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน พร้อมฝากขอบคุณสื่อมวลชนสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา และกล่าวทิ้งท้ายว่า “หลังจากนี้ฝากเป็นกำลังใจให้ผม ยังคงต้องสู้อีกนาน”.
เมื่อถามถึงความกังวลใจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมเริ่มดีขึ้น แต่ประเด็นที่กังวลใจมากที่สุดคือเรื่องของข่าวสารที่นำเสนอออกไป ส่วนเรื่องคดีความก็หนักใจเช่นกันแต่ไม่เท่าเรื่องข่าว สำหรับอาการบาดเจ็บของผู้เสียหายทั้งสองฝ่ายก็ดีขึ้นตามลำดับ พร้อมขอบคุณทุกฝ่าย โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลชัยภูมิที่ให้การดูแล.
การจ่ายค่าเยียวยาครั้งนี้ ถือเป็นการบรรลุข้อตกลงในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายระหว่างผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย แต่ในส่วนของคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมาแล้วขับ ยังคงเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะต้องดำเนินการต่อไป.