สุพรรณบุรี – เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลวังยาง ต.วังยาง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี นายหิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมประชุมและลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าองค์พระ ป่าเขาพุระกำ และป่าเขาห้วยพูล ขนาด 557 ไร่ ครั้งที่ 1 เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน อาทิ นายแผน สุขแสวง นายอำเภอด่านช้าง, นายสุรศักดิ์ ชาวบ้านกร่าง นายก อบต.วังยาง, พ.อ.มนต์รวี อินทรศิริ ผบ.กองพันทหารช่างเครื่องมือพิเศษ, นายเกรียงศักดิ์ วงษ์ศรีสังข์ ปลัด อบต.วังยาง, พ.ต.ยุทธศักดิ์ รักษี นายทหารที่ดิน มทบ.17, นายจีระศักดิ์ โพธิ์พันธุ์ ผอ.นิคมสหกรณ์ห้วยขมิ้น, นายภาคภูมิ ศรีกระจิบ นักวิชาการป่าไม้ ปฏิบัติการ, นายธันย์ท ศรีพระนาม ผู้ประสานงานโครงการฯ, ร.ต.อ.มงคล รัตนสุรีย์ รวมถึงตัวแทนภาคประชาชน สมาคม 557 ไร่ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และชาวสมาคม 557 ไร่ จำนวนมาก

ในที่ประชุมได้มีการหยิบยกปัญหาสำคัญที่ชาวบ้านผู้ได้รับการจัดสรรที่ดินต้องเผชิญขึ้นมาหารืออย่างละเอียด ปัญหาหลักที่พบคือการขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่บริเวณที่ดินที่ได้รับการจัดสรร ทั้งเรื่องของน้ำประปาที่ยังเข้าไม่ถึง ไฟฟ้าที่ยังไม่มีใช้ และสภาพถนนที่ใช้สัญจรยังไม่สะดวก

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินให้แก่กลุ่มบุคคลที่อาจขาดคุณสมบัติหรือไม่ตรงตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเท่าเทียมและประสิทธิภาพของโครงการ อีกปัญหาที่สำคัญคือปัญหาการทับซ้อนของที่ดิน ระหว่างผู้ที่ยึดครองที่ดินอยู่ก่อนแล้วกับผู้ที่ได้รับจัดสรรใหม่ตามโครงการ สร้างความสับสนและนำไปสู่ข้อพิพาทต่างๆ

ปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดสรรและการใช้ประโยชน์ที่ดินก็ถูกนำมาพิจารณาในวงหารือครั้งนี้ด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีความครอบคลุมและรอบด้าน

สำหรับผลการประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหา โดยทุกฝ่ายที่เข้าร่วม ทั้งหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่และตัวแทนภาคประชาชน ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการนำปัญหาที่ได้จากการประชุมและการลงพื้นที่ตรวจสอบไปดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง

นายหิมาลัย ผิวพรรณ และคณะ ได้รับทราบปัญหาทั้งหมดและพร้อมที่จะสนับสนุนการแก้ไข เพื่อให้โครงการจัดสรรที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 557 ไร่แห่งนี้ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ยากไร้ที่สมควรได้รับการจัดสรรอย่างแท้จริง และเป็นไปตามเจตนารมณ์ดั้งเดิมของโครงการที่ต้องการช่วยเหลือผู้ไม่มีที่ทำกินให้มีที่อยู่อาศัยและที่ประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในอนาคตอันใกล้