ปอท.รวบคู่หูนายหน้าบัญชีม้า-ฟอกเงิน แก๊งคอลฯ หนีบอสจีนค่าหัว 5 แสน ซ่อนตัวสระแก้วไม่รอด
สระแก้ว – ปอท. ลุยจับคู่หูนายหน้าจัดหาบัญชีม้าและฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ที่ชายแดนสระแก้ว หลังทั้งคู่หลบหนีตายมาจากฝั่งปอยเปต เพราะทำงานพลาดจนเงินแก๊งกว่า 2 ล้านบาทสูญไป ทำให้บอสชาวจีนไม่พอใจ ถึงขั้นประกาศตั้งค่าหัวไล่ล่าถึง 5 แสนบาท แต่สุดท้ายหนีกลับมาซ่อนตัวที่ไทยก็ไม่รอดเงื้อมือกฎหมาย
วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) สั่งการให้ พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผกก.3 บก.ปอท.) พร้อมทีมงาน พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง และ พ.ต.ท.หญิง ภาพิมล ชัยขันธ์ สารวัตร กก.3 บก.ปอท. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก ทำการจับกุมตัว น.ส.กรองกาญจน์ อายุ 36 ปี ซึ่งมีหมายจับจากหลายศาลรวม 8 หมาย และนายอนุวัฒน์ อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตฯ” โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการ ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงจนสูญเงินไปกว่า 10 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่ ปอท. จึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเครือข่ายนี้อย่างต่อเนื่อง สามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้แล้วหลายระดับ ตั้งแต่บัญชีม้า คนจัดหาบัญชีม้า พนักงานคอลเซ็นเตอร์ ล่ามแปลภาษา ไปจนถึงระดับหัวหน้าชาวจีน รวมถึงการทลายเครือข่ายลักลอบพาบัญชีม้าข้ามแดนบริเวณตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ และจับกุมผู้ต้องหาสำคัญในเครือข่ายอีกหลายราย อาทิ หนุ่มดอยแม่สลอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 70 แก๊ง และนายบอยบ้านเป็ด นายหน้าค้าซิมการ์ดและบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายที่ยังหลบหนีอยู่ จนกระทั่งได้รับแจ้งเบาะแสว่า น.ส.กรองกาญจน์ และนายอนุวัฒน์ ผู้ต้องหาสองรายนี้ ได้เดินทางข้ามกลับมาจากฝั่งปอยเปต และเข้าพักอยู่ที่โรงแรมดังกล่าวในอำเภออรัญประเทศ จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก เพื่อเข้าตรวจสอบและนำไปสู่การจับกุม
จากการสอบสวน น.ส.กรองกาญจน์ ให้การว่า ในช่วงปี 2566 ตนมีหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาบัญชีม้าจากพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อส่งต่อไปยังออฟฟิศฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต โดยทำงานผ่านบุคคลที่ชื่อ นายม่วง และล่ามที่ชื่อ เจินเจิน ซึ่งทั้งสองถูกเจ้าหน้าที่ ปอท. จับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ที่ “ตึก 25 ชั้น” ต่อมาในปี 2567 ตนจึงแยกตัวออกมาทำงานร่วมกับนายอนุวัฒน์ โดยมีหน้าที่รับบัญชีม้าจากนายหน้าอื่น ๆ ในเครือข่าย และหักค่าหัวคิวเป็นค่านายหน้าบัญชีละประมาณ 3,000-5,000 บาท โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองได้ส่งบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 100 บัญชี
น.ส.กรองกาญจน์ ยังให้การเพิ่มเติมว่า เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปทำงานโดยตรงในออฟฟิศฟอกเงินของแก๊ง ที่ตั้งอยู่ใน “ตึก 25 ชั้น” หน้าที่หลักคือการโอนเงินที่ได้มาจากบัญชีม้าไปซื้อคริปโตเคอร์เรนซีประเภท USDT ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทำงานตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 22.00 น. โดยได้รับเงินเดือน 35,000 บาท อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากบัญชีที่ใช้ในการทำงานบางบัญชีถูกระงับ ทำให้ยอดเงินกว่า 2 ล้านบาทที่อยู่ในบัญชีสูญหายไป แต่ทางบอสชาวจีนกลับกล่าวหาว่าตนเป็นผู้โกงเงินดังกล่าว ทำให้ตนต้องหลบหนีการตามล่าจากแก๊ง เพราะถูกบอสตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 5 แสนบาท จึงตัดสินใจหลบหนีกลับเข้ามาที่ฝั่งประเทศไทย จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. จับกุมตัวในที่สุด
ด้านนายอนุวัฒน์ ให้การยอมรับว่า ตนเริ่มต้นทำงานเป็นนายหน้าจัดหาบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่ปี 2566 โดยเริ่มแรกทำงานกับบุคคลที่เรียกว่า “เจ๊ดาว” แต่ภายหลังได้แยกตัวออกมาทำงานเอง โดยเป็นผู้หาบัญชีม้าและส่งต่อไปยังออฟฟิศฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นกัน และได้รับค่านายหน้าประมาณบัญชีละ 5,000 บาท จนเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนมีอาการป่วย จึงได้เดินทางกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย และถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ดังกล่าว
ภายหลังการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป