“พิชัย” เผย คลังเร่งปรับใหญ่โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ขยายวงเงินช่วยลูกหนี้ คาดชง ครม. มิ.ย.-ก.ค. 68 หวังลดหนี้ครัวเรือนต่ำกว่า 80%
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังร่วมงาน 150 ปี กระทรวงการคลัง ถึงความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ว่า กระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเงื่อนไขโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งเป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาหนี้ค้างชำระ
มาตรการเดิมภายใต้โครงการนี้ คือ “จ่าย ปิด จบ” กำหนดให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้บางส่วนเพียง 10% เพื่อปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น สำหรับหนี้ที่มีวงเงินต้นคงค้างไม่เกิน 5,000 บาทต่อบัญชี อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมลูกหนี้ได้มากขึ้นและเข้าถึงง่ายขึ้น กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาขยายเงื่อนไขสำคัญ 2 ส่วน คือ
- ขยายยอดหนี้ขั้นต่ำที่สามารถชำระ 10% เพื่อปิดจบ จากเดิมไม่เกิน 5,000 บาทต่อบัญชี อาจจะปรับเพิ่มเป็นไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี
- ขยายเพดานยอดมูลหนี้สูงสุดที่สามารถเข้าร่วมโครงการ จากเดิมไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี อาจจะปรับเพิ่มเป็นไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี
นายพิชัย กล่าวเสริมว่า การปรับปรุงเงื่อนไขดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้เสียวงเงินน้อยๆ ให้หลุดพ้นจากภาระหนี้ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะหนี้ในกลุ่ม Special Mention Loan (SM) หรือหนี้ที่ค้างชำระ 1-3 เดือน ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข อาจจะเปลี่ยนเป็นหนี้เสีย (NPLs) ได้ในอนาคต
“ในอีก 2 เดือน คือ มิ.ย.-ก.ค.68 จะมีการปรับเงื่อนไขการแก้หนี้บางเรื่อง และนำเข้า ครม. โดยเฉพาะในส่วนของแบงก์รัฐ สำหรับแบงก์พาณิชย์ อาจจะต้องขอนั่งคุยก่อน ดังนั้นจำนวนผู้ที่เป็นหนี้วงเงินน้อยๆ ก็จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจำนวนลูกหนี้ที่มีปัญหาอยู่ทั้งหมด 5.4 ล้านราย หากทำกลุ่มนี้ได้จะช่วยแก้ไขหนี้เสียได้กว่า 3 ล้านราย” นายพิชัย กล่าว
สำหรับลูกหนี้กลุ่ม NPLs ที่มียอดหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการแก้ไข แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ
- สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ): ธนาคารออมสินได้เตรียมโครงการแก้หนี้สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ คาดว่าจะช่วยลดหนี้เสียได้อีก 400,000 ราย ขณะที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ช่วยแก้หนี้ให้เกษตรกรไปแล้ว 250,000 ราย และมีแผนจะช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 67,000 ราย
- ธนาคารพาณิชย์: มีกลุ่มหนี้เสียต่ำกว่า 100,000 บาท อยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะเข้าหารือกับธนาคารพาณิชย์ต่อไป
- ผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank): มีมูลหนี้เสียประมาณ 70,000 – 80,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เช่น ของบริษัท อิออน ทางกระทรวงจะขอรายละเอียดเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้เสียในกลุ่มนี้เป็นรายสถาบัน
นายพิชัย ยังกล่าวถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนโดยรวมว่า จากการคำนวณเบื้องต้น คาดว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะลดลงเหลือประมาณ 86% จากระดับประมาณ 91% ในปีก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดี รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 80% ให้ได้ในอนาคต ซึ่งมาตรการแก้หนี้ทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
การปรับปรุงเงื่อนไขโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ภายในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม 2568 นี้ ซึ่งจะเป็นข่าวดีสำหรับลูกหนี้รายย่อยจำนวนมากที่กำลังประสบปัญหาหนี้ค้างชำระ