ไอโอวา, สหรัฐอเมริกา – เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุถึงเรื่องราวสุดทึ่งของ นางคัมมี่ โพห์ล (Cammie Pohl) เจ้าของพิพิธภัณฑ์ ‘Mississippi Spoon Gallery’ ในเมืองดาเวนพอร์ต รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ที่เชื่อมั่นว่าเธอได้สร้างสถิติโลกครั้งใหม่ให้กับกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ ด้วยคอลเลกชันช้อนสะสมจำนวนมหาศาลถึง 38,162 คัน

นางโพห์ล ซึ่งเป็นนักสะสมช้อนตัวยง ได้ระดมอาสาสมัครกว่า 24 คน มาร่วมกันบันทึกรายการช้อนทั้งหมดของเธออย่างละเอียด โดยใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง เพื่อรวบรวมหลักฐานที่จำเป็นทั้งหมดในการส่งให้กับองค์กรบันทึกสถิติโลกอย่างกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ เพื่อขอท้าชิงตำแหน่ง “ผู้สะสมช้อนมากที่สุดในโลก”

ปัจจุบัน สถิติคอลเลกชันช้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่กินเนสส์รับรองไว้นั้น เป็นของนายเดส วอร์เรน (Des Warren) ชายชาวออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) โดยเขามีช้อนชาสะสมจำนวน 30,000 คัน

ด้านผู้ท้าชิงคนล่าสุดอย่าง นางคัมมี่ โพห์ล ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจว่า “ฉันเชื่อว่าสถิติดังกล่าวจะตกเป็นของฉันในเร็ว ๆ นี้ เพราะในตอนนี้ฉันมีช้อนสะสมอยู่ถึง 38,162 คัน เลยนะ”

เธอเสริมว่าคอลเลกชันของเธอมีความหลากหลายมากกว่าสถิติเดิม “เจ้าของสถิติคนเก่า เขามีแต่ช้อนชา ส่วนของฉันมีทั้งช้อนชา ช้อนเกลือ ช้อนมัสตาร์ด ช้อนในยุคทองคำ และช้อนจากหลากหลายศตวรรษ ซึ่งแสดงถึงความประณีตและความงามของเครื่องเงินในแต่ละยุคสมัย”

นางโพห์ล เล่าถึงจุดเริ่มต้นของความหลงใหลในการสะสมช้อนนี้ว่า “มันเริ่มมาจากคุณยายทวดของฉัน ท่านเคยจัดงานเลี้ยงน้ำชา และฉันก็ได้ร่วมดื่มในงานเหล่านั้นตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เหตุการณ์เหล่านั้นทำให้ยายทวดของฉันได้มอบช้อนจำนวน 127 คันเป็นของขวัญแก่ฉัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวนานนี้”

พิพิธภัณฑ์ Mississippi Spoon Gallery ของเธอ มีเป้าหมายหลักเพื่อจัดแสดงความงดงามของคอลเลกชันช้อนหลากหลายรูปแบบ และเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมเกี่ยวกับศิลปะการทำเครื่องเงินในยุคสมัยต่าง ๆ

“คนมักไม่มองว่าช้อนเหล่านี้คือศิลปะ แต่รายละเอียดในแต่ละคันนั้น มีความประณีตเป็นอย่างมาก” นางคัมมี่ โพห์ล กล่าวทิ้งท้าย

และสำหรับเป้าหมายของการท้าชิงสถิติโลก เธอมองว่าไม่ใช่แค่เพียงการเป็นเจ้าของสถิติ แต่เป็นการยืนยันถึงคุณค่าของสิ่งที่เธอรัก “สำหรับฉัน การได้ครองสถิตินี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันทำให้ฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า ‘ดูสิ นี่คือผลงานศิลป์ และดูสิ ฉันได้สถิติโลกด้วย’ มันคือการผสมผสานระหว่างความรักในศิลปะกับความสำเร็จส่วนตัว”