เอส กันตพงศ์ อัปเดตชีวิตล่าสุด หลังป่วยหนัก เผยใช้ชีวิตเรียบง่าย มุ่งมั่นจิตอาสา และเตรียมกลับมาโพสต์โซเชียล

กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต นักแสดงชื่อดัง เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ได้ปรากฏตัวในงานเปิดตลาด “A fair อร่อยเกรดเอ by A Supachai” พร้อมเปิดใจถึงชีวิตหลังหายป่วยครั้งใหญ่ ท่ามกลางแฟนคลับและสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจ

เอส กันตพงศ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเลือกใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายให้มากที่สุด พร้อมกับมุ่งมั่นทำงานจิตอาสา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 30-40 งานแล้ว แม้จะไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวหรือโพสต์ลงสื่อโซเชียล เนื่องจากมีแนวคิดแบบ “ปิดทองหลังพระ” และได้รับแรงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงทำงานเพื่อส่วนรวมโดยไม่จำเป็นต้องออกสื่อทุกครั้ง ซึ่งล่าสุดก็ได้ไปช่วยงานที่วังไกลกังวลมา

นอกจากนี้ เอสยังได้เล่าถึงมุมมองที่มีต่องานของ เอ ศุภชัย ในครั้งนี้ว่า ชื่นชมในเจตนารมณ์ที่เปิดโอกาสให้ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและผู้ที่สนใจนำสินค้าไปต่อยอดธุรกิจ เป็นการสร้างอาชีพและทำประโยชน์ให้สังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองก็อยากทำความดีและเป็นประโยชน์ต่อสังคมเช่นกัน เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่จะนำเมนูอาหารที่ตนเองชอบมาขายในงานบ้าง เอสได้เล่าพร้อมติดตลกว่า ตนเองมีวิธีการทานอาหารที่เฉพาะเจาะจงมาก โดยเน้นทานแต่ผัก ไข่ ข้าว และต้องมีการชั่งตวง คำนวณวิตามินและโปรตีนอย่างละเอียด ซึ่งเป็นนิสัยที่มีมาตั้งแต่ก่อนป่วยและกลับมาเป็นอีกครั้งหลังหายดี ทำให้การทำอาหารให้คนอื่นอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและใส่ใจมากเป็นพิเศษ แต่ก็เคยมีประสบการณ์ทำร้านอาหารที่เวียดนามก่อนช่วงโควิดที่ต้องปิดไป

เอสยอมรับว่าวิถีการกินแบบนี้ทำให้หลายคนมองว่าใช้ชีวิตข้างนอกยาก แต่สำหรับตนเองแล้วเป็นคนง่ายๆ แค่ขอให้มีผักกับโปรตีนเยอะๆ ก็พอ และไม่เลือกเมนูเวลาไปกองถ่าย สามารถใช้ชีวิตและทานอาหารกับคนอื่นได้โดยไม่มีปัญหา รวมถึงการทานน้ำที่เน้นแค่น้ำเปล่าและนม

ในส่วนของครอบครัว เอสเล่าด้วยความดีใจว่าสามารถเปลี่ยนนิสัยการกินของคุณแม่ให้หันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นได้สำเร็จ ส่วนคุณภรรยาและลูกสาวนั้นรักสุขภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงสามารถทานอาหารด้วยกันได้ง่าย

สำหรับความสัมพันธ์กับลูกสาว เอสเผยว่าได้เจอหน้าลูกเป็นประจำ แต่ข้อเสียส่วนตัวคือไม่ค่อยชอบโพสต์รูปหรือเรื่องราวลงโซเชียลมีเดียมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ และหลังป่วยก็จำรหัสโซเชียลบางอันไม่ได้ด้วย แต่ปัจจุบันเริ่มตระหนักได้ว่า การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อแบ่งปันเรื่องราวดีๆ หรือแง่คิดที่เป็นประโยชน์ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่แรกคืออยากทำประโยชน์ แต่กลับกลัวการยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินเหตุ ทำให้ไม่ได้ใช้โซเชียลเป็นช่องทางสื่อสารเท่าที่ควร

เอส กันตพงศ์ ทิ้งท้ายว่า กำลังพยายามปรับเปลี่ยนทัศนคติและบุคลิกในการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ติดตามมากขึ้น อาจจะได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่ทำร่วมกับลูกสาว หรือเรื่องราวดีๆ อื่นๆ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นการบาลานซ์ระหว่างการทำความดีกับการสื่อสารออกไป โดยมองว่าแฟนคลับคือเจ้านาย ที่ทำให้เขามีอาชีพและรายได้ จึงอยากแบ่งปันสิ่งดีๆ กลับไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *