กรุงเทพฯ – ศิลปินสาวน้อยเสียงใสมากความสามารถ ‘กิมกลอย’ จากค่ายไทดอล มิวสิค กลับมาอีกครั้งพร้อมซิงเกิลใหม่ล่าสุด “อยากติดเธอ” ที่มาพร้อมความสดใส น่ารัก ในสไตล์ลูกทุ่งสามช่าภาคกลางสุดโจ๊ะ ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจถึงที่มาและเบื้องหลังการทำงานเพลงนี้

กิมกลอย เล่าว่า เพลง “อยากติดเธอ” มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวของสาวน้อยที่อยากมีแฟน จึงพยายามขอพรและหาวิธีต่างๆ ทั้งไปมู ช็อปปิ้ง หรือแม้แต่ไลฟ์สด แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่ เป็นการประพันธ์โดย อ.ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา และเรียบเรียงโดย อ.ยศดนัย ภู่ทอง ซึ่งเป็นคู่หูที่ทำงานร่วมกันมาตลอด ส่วนโปรดิวเซอร์คือ อ.แดส กฤษฎากรณ์ อ่อนตาแสง

เมื่อถามถึงแนวเพลง กิมกลอยเผยว่า เพลงนี้เป็นแนวลูกทุ่งสามช่า โจ๊ะๆ แตกต่างจากเพลงก่อนหน้าอย่าง “อะพอลโล 11” ที่มีกลิ่นอาย EDM และความเป็นอีสาน แต่ “อยากติดเธอ” จะเน้นไปที่สไตล์ลูกทุ่งภาคกลางที่เธอถนัดมากกว่า ทำให้ไม่ต้องปรับแก้เรื่องภาษามากนัก

สำหรับท่าเต้นในเพลงนี้ กิมกลอยบอกว่าไม่ได้เน้นท่าเต้นที่ตายตัว แต่เป็นฟรีสไตล์แบบเด็ก Gen Z ที่มีเวย์ของตัวเอง ขอแค่ทุกคนสนุกและเอ็นจอยไปกับเพลงก็เพียงพอแล้ว

มิวสิกวิดีโอเพลง “อยากติดเธอ” ได้ ‘บอย ขวัญถุง’ อินฟลูเอนเซอร์และดาวติ๊กต็อกชื่อดัง มารับบทพระเอก ซึ่งถือเป็นการร่วมงานกันเป็นเอ็มวีที่ 2 แล้ว หลังจากเคยร่วมงานกันในเพลง “ตะแล็ดแต๊ดแต๋”

เพลง “อยากติดเธอ” ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ กิมกลอยยอมรับว่าในช่วงแรกเป็นความรู้สึกสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และได้บอกกับแฟนๆ ว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาฟังเพลงกัน แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบบ้าง แต่ยอดวิวเพลงก็ยังคงขยับไปเรื่อยๆ และมีแฟนคลับเข้าไปฟัง รวมถึงนำไปเล่นในติ๊กต็อกอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความน่ารักของเพลงและพระเอกเอ็มวีที่ดึงดูดให้คนเข้ามาชม

ฟีดแบ็กจากแฟนเพลงส่วนใหญ่บอกว่า กิมกลอยเหมาะสมกับแนวลูกทุ่งสามช่านี้มาก และชอบความสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอในทุกเพลง

เรื่องคอสตูมในเอ็มวี “อยากติดเธอ” มาในสไตล์ยีนส์ที่ดูเท่แต่ก็น่ารักผสมผสานกับหน้าผมสไตล์เกาหลี ซึ่ง กิมกลอย เผยว่าอยากให้มีความเรียบง่ายเหมือนเพลงลูกทุ่งภาคกลางที่เป็นสไตล์บ้านเราที่มีความสุขอยู่ในความเรียบง่ายนั่นเอง

กิมกลอย ย้ำว่าเธอมีส่วนร่วมในการออกคอนเซ็ปต์เพลงและชุดในทุกๆ เพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอมีความสุขที่ได้ร่วมสร้างสรรค์กับทีมงาน มีการประชุมกันเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด โชคดีที่ค่ายไทดอล มิวสิค เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่

แม้จะออกมาหลายเพลงแต่ยังไม่ถึงกับเปรี้ยงปร้าง กิมกลอยยอมรับว่าทุกเพลงที่ทำมีความคาดหวัง ทั้งจากตัวเธอ ทีมงาน และผู้ประพันธ์เพลง เพราะทุกคนตั้งใจทำเกินร้อย แต่เธอพยายามไม่กดดันตัวเองจนเกินไป เพราะเข้าใจบริบทของสังคมปัจจุบัน และไม่รู้ว่าเพลงไหนจะ ‘ฟลุก’ ดัง เธอเลือกที่จะไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ทำในสิ่งที่รักและสร้างความสุขรอยยิ้มให้กับผู้ฟัง แม้แฟนคลับกลุ่มปัจจุบันอาจจะยังน้อย แต่ก็เชื่อว่าในอนาคตจะมีคนรักและเอ็นดูเธอเพิ่มขึ้น

ช่วงที่ตั้งใจทำเพลงมากๆ แล้วยังไม่เปรี้ยง ก็มีบ้างที่รู้สึกท้อเล็กๆ น้อยๆ รู้สึกดาวน์บ้าง แต่ กิมกลอย คิดอยู่เสมอว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง” เธอเชื่อในเรื่องของดวงและโชคชะตา แต่ก็เชื่อว่าในปัจจุบันต้องพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทั้งการร้องเพลง การทำโซเชียล และการหาวิธีเป็นนักร้องที่ดี ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของโชคชะตาและแรงสนับสนุนจากแฟนๆ

ในยุคปัจจุบัน การอยู่ในโลกโซเชียลเป็นสิ่งสำคัญ กิมกลอยเพิ่งเริ่มทำคอนเทนต์แนวพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนคติได้ประมาณเกือบปี ซึ่งทำให้เธอได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย ได้เก็บทุกช่วงชีวิตไว้ดูในอนาคต และยังได้ให้กำลังใจหรือให้ความคิดเห็นดีๆ กับผู้ที่มีปัญหาชีวิต ทำให้เธอและแฟนคลับได้รับพลังบวกซึ่งกันและกัน

ในวัย 20 ปี กิมกลอย เผยว่า หลายคนอาจมีเรื่องความรักแล้ว แต่สำหรับเธอยังอยู่ในช่วง “วัยสร้างตัว” กำลังจะขึ้นปี 2 คณะบริหารธุรกิจดิจิทัล การจัดการ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรีลพบุรี

การแบ่งเวลาระหว่างเรียนและงานเป็นช่วงที่หนักหน่วงมาก เธอต้องแบ่งเวลาพักผ่อนมาใช้ในการเรียน แม้จะเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า เพราะการเรียนเป็นสิ่งสำคัญ และเธอตั้งใจเลือกคณะนี้เพื่อต่อยอดในอนาคต

กิมกลอยในเวอร์ชันปัจจุบัน เธอมองว่าตัวเองโตขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น ไม่ยึดติดกับอะไรนานๆ และศึกษาธรรมะมากขึ้นด้วย ซึ่งคุณพ่อเป็นผู้ปลูกฝัง ทำให้เธอรู้ว่าความคิด ทัศนคติ และจิตใจคือสิ่งสำคัญ เราไม่สามารถเปลี่ยนใจคนอื่นได้ แต่เปลี่ยนที่ตัวเราง่ายกว่า เธอสวดมนต์ทุกวันพระ และเข้าห้องพระเมื่อมีเวลาว่าง เพื่ออยู่กับตัวเอง ทำให้มีคลื่นพลังงานที่ดีและชีวิตดีขึ้น

ท้ายสุด กิมกลอย ฝากผลงานเพลง “อยากติดเธอ” สามารถรับชมรับฟังได้แล้วทางช่อง YouTube Grammy Gold Official.

โดย จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล